ถ้าจะพูดในแง่คุณภาพแบบหนังรางวี่รางวัลแล้ว ฺBad Moms อาจไม่ได้เลอค่าในทิศทางนั้นครับ แต่มันเป็นหนังที่โคตรจะโดนใจ #พ่อสายห่วย อย่างผม ทำเอาทั้งขำ ทั้งโดน ทั้งจี๊ดแบบสุดๆ ไปเลย
สิ่งที่ผมกำลังจะบอกต่อไปนี้กลั่นมาจากอินเนอร์ล้วนๆ #อินเนอร์มาเต็ม ไม่มีหลักการใดๆ มาเจือปน ดังนั้นหากใครคาดหวังงานเขียนดูดีมีหลักการล่ะก็ บอกได้เลยว่าไม่ใช่อันนี้ครับ ^_^
ผมโคตรจะชอบหนังเรื่องนี้เลยให้ตายเถอะ! มันเหมือนหนังถูกสร้างมาเพื่อให้คนแบบผมดูยังไงยังงั้น ผลที่ผมได้คือ ผมสนุกกับมันตั้งแต่ต้นจนจบ ขำจนน้ำตาเล็ดไม่รู้กี่ฉาก ซึ่งผมจะไม่ขอฟันธงว่าหนังเรื่องนี้มันดีหรือไม่ดีน่ะนะครับ แต่บอกได้แค่”หนังมันโคตรโดน” จริงๆ
ครับ ผมเป็นพ่อคน มีลูกสาวตัวน้อย และสิ่งที่ทำทุกวันนี้คือพยายามเป็นพ่อที่ดี แต่ผมกล้าพูดเลยว่า ผมเป็นพ่อที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกเลย คือเราอาจจะเคยได้ยิน เราอาจจะอ่าน เราอาจจะเปิดเน็ท เราอาจจะถามครูถามหมอถามพ่อแม่ปู่ย่าถึงวิธีดูแลลูก แต่ภาคทฤษฎีที่ “เขาเล่าว่า” กับภาคปฏิบัติที่เราลงมือเองนั้น มันมักจะต่างและขัดกันอยู่ร่ำไป
พอเราจะทำแบบนี้ ก็จะมีคนเอาตำราแบบนั้นมาบอกว่า “อย่าๆๆๆ”
ครั้นพอเราทำอีกตำรา ก็จะมีงานวิจัยออกมาว่า “หยุดๆๆๆ”
และพอเราหยุดเพื่อจะค้นหาคำตอบว่าฉันกำลังทำอะไร หยุดเพื่อตั้งสติสักชั่วครู่ชั่วยาม ก็จะมีคนบอกว่า “จงเป็นตัวของตัวเอง อยากทำอะไรจงทำ”
… บางทีรู้สึกเหมือนโดนจับใส่เครื่องปั่น ปั่นแล้วปั่นอีกจนเราแทบจะกลายเป็นชิ้นเล็กๆ รู้สึกไร้เรี่ยวแรงพิกล
ผมมองว่าเรื่องจริงคือ ลูกมอบตำราเล่มใหม่ให้เราทุกวันครับ เพราะเขาเติบโตขึ้น มีอะไรใหม่ๆ ให้เราเรียนรู้ทุกวัน วิธีเลี้ยงที่เคยได้ผลเมื่อวานอาจไร้ความหมายในวันนี้ มันทำให้ตระหนักเลยว่าเมื่อเรามีลูก นั่นเท่ากับเราลงเรียนวิชาพ่อแม่ และจะมีอะไรใหม่ๆ ให้เราเรียนไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ
ตอนนี้ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าผมมีความลำเอียงต่อหนังเรื่องนี้อย่างออกนอกหน้าและเห็นได้ชัด ดังนั้นอย่าเอาสาระอะไรกับข้อเขียนนี้ครับ ^_^
หนังมันอาจไม่ได้เจ๋งมากมายหรือสมบูรณ์จนห้ามพลาด มันคือหนังตลกที่มีมุกห่ามๆ ผสมลงมาตามสไตล์ของผู้กำกับคู่หู Jon Lucas, Scott Moore ที่เคยเขียนบทหนัง The Hangover มาให้เราได้ดูกัน ซึ่งถือว่ายกสูตรเรื่องนั้นมาใช้ก็ว่าได้ครับ
ตัวเอกคือ 3 คุณแม่นอกกรอบที่นำโดย เอมี่ (Mila Kunis) คุณแม่ Working Woman ที่ต้องทำทุกงานทั้งนอกและในบ้าน สามีก็ไม่ใคร่จะใส่ใจดูลูกสักเท่าไร และเมื่อชีวิตเธอมาถึงจุดวิกฤติ เธอเลยขอลองเป็นแม่สายโหด ขอพักผ่อน ขอมีเวลาให้ตัวเองบ้าง
สำหรับผมแล้ว หนังนำเสนอช่วง Burn out ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้อย่างเจ๋งครับ ผมเชื่อว่าพ่อแม่อย่างเราๆ ส่วนใหญ่มีโมเมนต์แบบฉันอยากจะนอนยาวๆ ดูหนังยาวๆ อ่านหนังสือยาวๆ กินอาหารยาวๆ หรือนั่งขรี้ยาวๆ กันทั้งนั้น แต่งานของคนเป็นพ่อแม่ไม่มีคำว่าพักครับ บางทีลูกไอแค่กๆ ตอนตีสามก็ต้องดีดตัวผึงแล้ว (ทั้งๆ ที่เพิ่งล้มตัวตอนตีสองห้าสิบ)
แล้วอย่าลืมว่าโลกนี้เต็มไปด้วยคนที่ไม่แคร์หรอกครับว่าคุณต้องเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก อย่างถ้าคุณทำงานในบริษัท เจ้านายก็อาจจะจี้ให้คุณทำงานตลอดๆ ถ้าทำไม่ได้ก็เตรียมโดนเขม่น หรือหากค้าขาย คู่ค้าก็จะคาดหวังบริการดีๆ จากเรา ซึ่งบางครั้งการบอกว่าเราทำได้ช้า เพราะร่างกายเราไม่ไหวแล้ว เนื่องจากต้องดูแลลูกที่เข้าโรงพยาบาลจนแทบไม่ได้นอน อะไรพวกนี้ก็อาจไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอสักเท่าไร ในโลกแห่งความจริงใบนี้
เป็นคนไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ยิ่งเป็นพ่อเป็นแม่น่ะก็ยิ่งไม่ง่ายเลย เราเหนื่อยแน่ๆ… แต่รู้อะไรไหมครับ จริงๆ เราเหนื่อยได้นะ เราท้อได้ มันไม่แปลกหากเราอยากแหกปากระบายอารมณ์ หรือบางเวลาที่มัน “สุดๆ” เราอาจคิดถึงตัวเองมากกว่าลูก (แล้วตั้งคำถามว่า “ฉันกำลังเห็นแก่ตัวอยู่ไหม?”)… เราก็คือคนครับ เราไม่ได้ Perfect หรอก…
ลองบอกตัวเองครับ… เหนื่อยก็พัก หลับตาสักครู่ พยายามตั้งหลัก หาที่ชาร์จแบตมาเสียบ แล้วก็วางพวกคำแนะนำด้วยความหวังดี/หลักการเลี้ยงลูกสารพัดตำรา/การเปรียบเทียบลูกเรากับลูกคนอื่น/การเปรียบเทียบตัวเรากับพ่อแม่อื่นๆ ฯลฯ ลงเสียบ้าง
… แต่มันก็แปลกดีนะ… บางทีเราเหนื่อยมาก เราอยากร้องไห้ (จริงๆ ข้างในน้ำตาท่วมอกไปหมดแล้ว) แต่ทำไมเมื่อเราเห็นลูกยิ้ม เราได้กอดลูก ได้ลูบหัวลูก ได้เห็นว่าลูกภูมิใจแค่ไหนยามเอารูปที่วาดมาอวด (ทั้งที่จริงๆ เราดูไม่ออกหรอกว่ามันรูปอะไร)… พอเราเจออะไรแบบนี้ ความเหนื่อยมันลดลง
ผมว่าธรรมชาติก็คงรู้นะว่าเป็นพ่อเป็นแม่น่ะมันเหนื่อย เลยประดิษฐ์กลไกอะไรสักอย่างติดตั้งไว้ในใจพ่อแม่ ให้ลูกสามารถบรรเทาความเหนื่อยบางประการของเราได้ แค่เห็นเขามีรอยยิ้ม มีวันที่ดี…
ผมชอบประโยคนี้มากๆ เลยครับ “ทุกครั้งที่ฉันคิดว่าเข้าใจลูกดีแล้ว… พวกเขาก็โตขึ้น และฉันต้องกลับมาเริ่มใหม่” มันเป็นอะไรที่โคตรจริง
ขอบอกแบบกึ่งๆ อ้างคำจากในหนังครับ ว่าถ้าคุณเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ ทำทุกอย่างได้เยี่ยมเริ่ดแล้ว หนังเรื่องนี้อาจเป็นหนังตลกไร้สาระสำหรับท่าน หรือไม่ก็อาจจะมองว่าตัวละครในเรื่องนี้เป็นอะไรกันมากหรือเปล่า
แต่ “ถ้าคุณเป็นแม่ที่ห่วยๆ อย่างฉัน แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำบ้าบออะไรอยู่ แถมเบื่อที่จะต้องถูกตัดสินตลอดเวลา” …
… ถ้าคุณอยู่ในข่ายนี้ นี่คือหนังที่ผมอยากให้ท่านหามาดูครับ อยากให้มาสนุกร่วมกัน มาฮาร่วมกัน ผมเชื่อว่ามันจะโดนใจท่านไม่มากก็น้อย ดีไม่ดีบางประโยคที่ตัวละครในเรื่องพูด อาจเป็นคำที่คุณอยากตะโกนบอกโลกมาตั้งนานแล้วก็ได้
ผมกับภรรยาดูเรื่องนี้ด้วยกัน แล้วก็หัวเราะผสมน้ำตากันตลอดเรื่อง
รักหนังเรื่องนี้มากมาย… จากใจ #พ่อแม่สายห่วย ครับ ^_^
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy