The Wedding Ringer อาจเหมือนเป็นการเอา Hitch และ I Love You, Man มาเล่าใหม่นะครับ แต่ถ้ามองในแง่หนังฮาแล้วล่ะก็ หนังก็ถือว่าตอบโจทย์และคลาดเครียดได้อย่างน่าพอใจ (สำหรับผมก็ถึงขั้น “น่าพอใจมาก” เลยล่ะครับ)
เรื่องของดั๊ก แฮร์ริส (Josh Gad) หนุ่มขี้อายที่กำลังจะแต่งงาน แต่เขาดันไม่มีเพื่อนสนิทที่จะมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวได้ (หรือกระทั่งเพื่อนมาร่วมงานแต่งก็ยังไม่มี) เขาเลยไปใช้บริการของ จิมมี่ (Kevin Hart) เจ้าของธุรกิจเพื่อนเจ้าบ่าวรับจ้าง แล้วนั่นล่ะครับ จุดเริ่มของความบ้าบ๊องบวมสารพัด
หนังมันฮาดีน่ะครับ ดูเพลินมากๆ Hart ก็เล่นได้ลื่นสุดๆ คือลีลาพี่แกน่ะชวนให้นึกถึง Chris Tucker ครับ แต่เขาจะดูมีความน่ารักและจริงใจมากกว่า นั่นทำให้บทจิมมี่ดูซอฟท์ ไม่ได้มีแต่มุมฮา ทว่ายังมีมุมดราม่าสอดแทรกลงมาอย่างน่าพอใจ
Gad ก็ฮาแบบเนิร์ดๆ น่ะครับ เป็นพวกจอมหงอที่รอคนมาแกล้ง เป็นฝ่ายยอมเขาตลอด ซึ่งบุคลิกแบบนี้ของ Gad ก็เหมาะกับบทดั๊กครับ และทำให้การตัดสินใจคลายปมในช่วงไคลแม็กซ์ของเขาดูน่าเชื่อถือทีเดียว
Kaley Cuoco นางเอกจากซีรี่ส์ The Big Bang Theory ก็ออกแนวบทสมทบครับ เป็น เกรทเช่น เจ้าสาวของดั๊กนั่นเอง ซึ่งบุคลิกจอมเจ้ากี้เจ้าการของเธอก็เข้ากับบทนี้เหมือนกัน, Olivia Thirlby ที่เคยแสดงนำใน Dredd ก็พลิกมาดมาเป็นน้องสาวของเกรทเช่น แม้บทจะไม่ได้เด่นมากมาย แต่ก็ดูน่ารักดี
และรายที่หนุ่มๆ ไม่น่าจะลืมคงหนีไม่พ้น Nicky Whelan ในบทนาเดีย สาวที่จิมมี่เชิญมาในงานสละโสดของดั๊ก รายนี้สวยยังไงก็สวยยังงั้นครับ (สำหรับผม เธอคือข้อดีที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของหนังอย่าง Left Behind ที่มีป๋า Nicolas Cage นำแสดงน่ะครับ) ก็แอบเชียร์ให้เธอดังเหมือนกันครับ
ในขณะที่ดาราลายครามอย่าง Cloris Leachman (ในบทคุณย่าสุดซวย) และ Mimi Rogers ในบทแม่ของเกรทเช่น ก็มาแบบผ่านมาผ่านไป ไม่ได้มีอะไรเด่นครับ เพราะหนังเทน้ำหนักไปที่เรื่องมิตรภาพของจิมมี่กับดั๊กมากกว่า
แต่พอพูดถึงในแง่มิตรภาพของจิมมี่และดั๊กแล้ว หนังก็ทำออกมาได้ดีนะครับ ส่วนหนึ่งเพราะ 2 คนเล่นเข้ากันด้วย ฮาได้เรื่อยๆ คนหนึ่งยิงมุก คนหนึ่งตบมุก หนังเลยดูเพลินตลอด แล้วก็มีการแทรกปมชีวิตที่เพิ่มมิติของ 2 ตัวละครนี้ได้อย่างน่าพอใจ อย่างจิมมี่เองก็มีเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกมาจับงานนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อทำเงิน แต่เพื่อตัวเจ้าบ่าวอีกหลายๆ คนที่ไร้เพื่อนด้วย
ส่วนดั๊กก็มีปมที่น่าสนใจครับ อันนี้ต้องลองไปดูกัน ซึ่งปมที่ว่านี้ก็ชวนให้เราคิดได้ไม่เลวเกี่ยวกับการแต่งงาน อันเป็นการตัดสินใจที่สำคัญนะครับ มันไม่ใช่แค่ว่าเราอยากแต่งแล้วหรือเหงาแล้ว เลยแต่งซะ แต่มันยังมีประเด็นที่ควรไตร่ตรอง และควรชั่งตวงวัดมากกว่านั้น เพราะการตัดสินใจนี้จะมีผลต่อชีวิตเราอย่างยิ่ง
ไหนๆ จะเลือกแล้ว ก็เลือกทางที่ทำให้เราสุขได้จริงๆ หรืออย่างน้อย ก็ไม่เลือกทางแบบสุขลวงตาก็แล้วกันครับ
สรุปว่าหนังเรื่องนี้ สนุก ฮา ดูเพลินดีครับ หากอยากดูหนังเบาๆ คลายเครียด เนื้อหาไม่หนักมากมายก็จัดไปเลยครับ ^_^
สองดาวใกล้ครึ่งครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy