จริงๆ ผมชอบหนังเรื่องนี้นะ คือมันอาจจะไม่ได้สุดยอดหรือลงตัวอะไรมากมาย แต่มันดูเพลิน มี Effect ที่ค่อนข้างตื่นตา ด้านดาราก็ถือว่าคัดของดีมาลงจอ ส่วนเนื้อหาแม้จะลงสูตรสำเร็จ แต่ก็ถือว่าเป็นการเอาสูตรเก่ามาใช้ใหม่ได้ออกรสดีอยู่เหมือนกัน
หลักๆ เลยก็คือเอนเดอร์ (Asa Butterfield) ตัวเอกของเรื่องเป็นเด็กที่เก่งกาจน่ะครับ และเป็นความหวังของมนุษย์โลกในการสู้รบกับเผ่าพันธุ์ต่างดาว โดยภาคนี้จริงๆ ก็ถือเป็นภาคแรกที่ปูพื้น ปูเรื่องราวให้ผู้ชมได้รู้ว่าโลกในหนังนั้นเป็นยังไง ตามด้วยการฝึกเอนเดอร์ให้มีความพร้อม และสามารถต่อสู้รับมือกับพวกต่างดาวในสนามรบของจริงได้
เสียดายเหมือนกันครับที่หนังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ลงทุนไป $110 ล้าน แต่ได้คืนมาจากทั่วโลกราวๆ $125 ล้านซึ่งถือว่าขาดทุนครับ (เพราะรายได้ที่ทำนั้น ได้คืนสตูดิโอมาแค่ครึ่งเดียว กล่าวคือสตูดิโอได้เงินคืนมาจริงๆ แค่ $60 กว่าล้านนิดๆ เท่านั้น) และเพราะหนังทำเงินไม่เข้าเป้า เราก็เลยหมดโอกาสในการดูภาคต่อกัน (ถ้าอยากรู้เรื่องราวต่อไปก็ต้องหานิยายอ่านเอาครับ)
แต่สำหรับผมแล้ว หนังเพลินดีครับ พลังอย่างแรกของดาราที่แม้จะไม่ถึงกับแสดงกันแบบท็อปฟอร์ม แต่ก็ไม่ด้อยกว่ามาตรฐาน ไม่ว่าจะรุ่นใหญ่อย่าง Harrison Ford, Ben Kingsley และ Viola Davis หรือรุ่นเล็กแต่ฝีมือดีอย่าง Butterfield (Hugo), Hailee Steinfeld (True Grit, Begin Again) และ Abigail Breslin (Little Miss Sunshine และ Zombieland)
พลังอย่างต่อมาคืองาน Effect ที่ละลานตาใช้ได้เลยครับ เนี๊ยบเอาเรื่อง และสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับผู้ชมได้ค่อนข้างดี ในขณะที่แอ็กชันนั้นก็อาจจะไม่ได้เล่นใหญ่หรือคอขาดบาดตายอะไรมากมาย แต่ก็จัดว่าดูตื่นเต้นในฐานะหนังสไตล์วรรณกรรมเยาวชนสักเรื่องหนึ่ง
หนังกำกับโดย Gavin Hood แห่ง Tsotsi, X-Men Origins: Wolverine และผลงานล่าสุดอย่าง Eye in the Sky ก็ถือว่าน่าจับตาไม่น้อย ในขณะที่เรื่องนี้ก็ถือว่าดูได้เพลินๆ สนุกไม่เลวครับ ผมดูตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เบื่อนะ สนุกดี เพียงแต่อาจจะไม่สุดยอด ไม่ถึงกับขึ้นหิ้งอะไรขนาดนั้น
สรุปว่าดูได้สนุกๆ ครับ อาจไม่ถึงกับสมหวังไปทั้งหมด แต่ก็ไม่ผิดหวังล่ะครับ ^_^
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Fantasy, Sci-Fi