ยิปมัน หนอ Ip Man ท่านซัดข้าถึง 9 หมัดเชียวหรือนี่?
หมัดที่ 1 คือ Donnie Yen (เจิ้นจื่อตัน) ท่านเหมาะสมกับบทนี้ยิ่งนัก ทั้งลีลาออกหมัด ความอ่อนน้อมถ่อมตน และสีหน้าที่มักไม่เผยอารมณ์ แต่สื่อความนัยได้อย่างลึกซึ้ง
หมัดที่ 2 คือ ฉากต่อสู้ทำออกมาตื่นตา หมัดที่ออกช้าก็ดูทรงพลัง หมัดที่ว่องไวก็ดูเร้าใจ ไม่ว่าจะบู๊เดี่ยวต่อเดี่ยว หรือ 1 ต่อ 10 ก็ล้วนยอดเยี่ยม ไม่ว่าใครบู๊กับใครก็มันส์ทุกบททุกตอน จนพูดได้เต็มปากว่าทำคิวบู๊ได้โดดเด่น จัดว่าเป็นแถวหน้าๆ ของหนังกังฟูก็ว่าได้ ทั้งหมดนี้ขอคารวะผู้คุมคิวบู๊ชื่อ หงจินเป่า ครับ
หมัดที่ 3 คือ ดาราสมทบทุกคนพอเหมาะยิ่ง เยิ้นต๊ะหัว สมเป็นนักธุรกิจที่ไม่เป็นมวย, ฝานเส้าหวงก็เป็นอันธพาลไร้ใจได้ถึงเครื่อง และหลินเจียต่ง ก็เป็นสารวัตรหลี่เจาได้ดี ทั้งยามอวดดีและยามหงอ
หมัดที่ 4 คือ เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ต้นเรื่องก็สนุกไปกับการได้เห็นอาจารย์ยิป รับคำท้าประลองจากทิศต่างๆ ส่วนครึ่งหลังก็สลดไปกับวิบากกรรมที่ชาวจีนต้องได้รับ
หมัดที่ 5 คือ “ข้าไม่ได้กลัวภรรยา แต่ข้าเคารพนางต่างหาก” (หมัดนี้ จุกเซี่ยงจี๊ข้ายิ่งนัก)
หมัดที่ 6 คือ ชอบแก่นที่ว่า วิชาหมัดมวยมีไว้ส่งเสริมพลานามัย, แลกเปลี่ยนเชิงยุทธ์กับมิตรสหาย และมีไ้ว้ป้องกันตัว หาใช่มีไว้ใช้รุก บุกลุย และสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น
หมัดที่ 7 คือ ตอนที่เจ้าของโรงเตี๊ยมสอนให้น้องชายของตน รู้จักคำว่า “เสียหน้า” (บางครั้งสอนด้วยการกระทำ ก็ดีกว่าคำพูด)
หมัดที่ 8 คือ ทุกการกระทำของคนแฝงด้วยเหตุผล และบางครั้งก็ซ่อนความจำเป็นเอาไว้ (เช่น เรื่องของสารวัตรหลี่เจา) เช่นนั้นแล้ว อย่าสรุปง่ายๆ อย่าพิพากษาง่ายๆ และอย่าเหมารวมง่ายๆ
หมัดที่ 9 สไตล์หนังจีนเรื่องนี้ ยังคงเป็นหนังจีน แต่ขณะเดียวกันก็ดูอินเตอร์ ย่อยง่าย จนไม่แปลกใจที่ทั่วโลกจะยกนิ้วและค้อมคำนับ
ถือเป็นหนังแอ็กชันหมัดมวยที่สนุก สวยงาม น่าติดตาม และน่าจดจำ
และโดยส่วนตัวแล้ว ขอยกให้เรื่องนี้เป็น “ตำนาน” ครับ
สามดาวครับ
(8/10)