Adventure

Lemony Snicket’s A Series of Unfortunate Events (2004) เลโมนี สนิกเก็ต อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย

1388760692

Lemony Snicket’s A Series of Unfortunate Events วรรณกรรมเยาวชนสุดฮิตอีกเรื่องที่ถูกนำมาทำเป็นหนังนะครับ กับเรื่องของ 3 พี่น้องตระกูลโบดแลร์ อันประกอบด้วย ไวโอเล็ต (Emily Browning) พี่สาวคนโตผู้ชาญฉลาด, เคลาส์ (Liam Aiken) น้องชายคนกลางผู้รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ และซันนี่ (มีเด็กน้อย 2 คนผลัดกันแสดงครับ คือ Kara Hoffman และ Shelby Hoffman) น้องนุชสุดท้องที่กำลังอยู่ในวัยใช้ฟันกัดทุกอย่างที่ขวางหน้า ซึ่งจู่ๆ พวกเขาต้องมาสูญเสียพ่อแม่ไปอย่างมีเงื่อนงำในเหตุไฟไหม้ ทั้ง 3 จึงต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า

และตามกฎหมาย พวกเขาไม่อาจใช้ชีวิตโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแลได้ 3 พี่น้องเลยโดนส่งให้ไปอยู่กับเคาท์โอลาฟ (Jim Carrey) ญาติห่างๆ ผู้แสนโลภที่หมายจะกักตัวเด็กทั้ง 3 ไว้และฮุบทรัพย์สินกับมรดกทุกอย่างมาไว้ที่ตนแต่เพียงผู้เดียว แต่เด็กๆ ก็ไหวตัวทันครับ พวกจึงพยายามหาทางหนีให้พ้นจากท่านเคาท์จอมโลภคนนี้

ฉบับหนังสือนั้นถือว่าสนุกครับ ออกแนวตลกร้ายเสียดสีผสมแฟนตาซี มี 13 เล่มด้วยกัน ซึ่งเล่มแรกๆ สำหรับบางท่านอาจต้องใช้ความพยายามในการทนอ่านสักหน่อย เพราะท่านอาจรำคาญกับโชคร้ายที่เด็กๆ ต้องเจอแบบไม่หยุดหย่อน ไหนจะเหล่าผู้ใหญ่ที่ถ้าไม่ฉลาดแกมโกงแบบสุดๆ อย่างเคาท์โอลาฟ ก็จะออกแนวฉลาดน้อยจนเกินไป ประเภทว่าไม่รู้ทันอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะเวลาที่เคาท์โอลาฟปลอมตัวมาเพื่อหาทางเอาตัวเด็กๆ ไป (ซึ่งมันก็เป็นเจตนาของผู้เขียนน่ะนะครับ) แต่พอผ่านสักเล่ม 4 เล่ม 5 ไป ปมสนุกๆ จะเริ่มไหลมาครับ มันจะมีเรื่องคาดไม่ถึงรอเราอยู่อีกเพียบทีเดียว

สำหรับฉบับหนังนี่ก็หยิบเอา 3 เล่มแรกมาร้อยเรียงครับ ได้แก่เล่มลางร้ายเริ่มปรากฏ (The Bad Beginning), ห้องอสรพิษชวนผวา (The Reptile Room) และ บ้านประหลาด (The Wide Window)

จริงๆ มันก็ดูสนุกไม่เลวนะครับ จุดเด่นสำคัญต้องยกให้การแสดงของ Carrey ที่เกิดมาเพื่อเป็นเคาท์โอลาฟจอมเจ้าเล่ห์จริงๆ พี่แกแสดงได้ทั้งร้าย ทั้งน่ารำคาญ (แต่ก็ไม่มากเกินไป) และยังน่าขำไปในเวลาเดียวกัน ยิ่งเวลาต้องปลอมตัวนี่ถือว่าทำได้เนียนมากๆ อันว่าลีลาการทำหน้าทำตาเหมือนตัวการ์ตูนของเขานั้นถือว่าไม่แพ้ใครจริงๆ ครับ ถือว่าเข้ากับโทนหนังได้พอดี เรียกว่าพลังการแสดงของพี่แกนี่ชูรสให้หนังได้กว่าครึ่งทีเดียว

ตัวละครเด็กๆ ก็ถือว่าแสดงกันได้พอเหมาะครับ อีกทั้งดาราสมทบก็น่าจดจำอย่าง Timothy Spall ในบทมิสเตอร์โพ ผู้ดูแลเด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย, Catherine O’Hara ในบทผู้พิพากษาสเตราส์ ที่อินโนเซนส์พอๆ กับมิสเตอร์โพ, Billy Connolly ในบทคุณลุงมอนตี้ เจ้าของบ้านอสรพิษ และรายที่ถือว่าเด่นไม่แพ้ Carrey ก็คือ Meryl Streep ในบทคุณป้าโจเซฟินผู้รักการสะกดคำให้ถูกเหนืออื่นใด รายนี้ก็ไม่ให้เสียชื่อดารายอดฝีมือ แม้จะเล่นออกแนวการ์ตูนหน่อยๆ แต่ก็ฝากฝีมือที่น่าจดจำเอาไว้

จุดที่ผมห่วงที่สุดคือ “หนังมันจะน่ารำคาญไหม โดยเฉพาะตอนที่เคาท์โอลาฟปลอมตัวไปประกบเด็กๆ แล้วดันไม่มีผู้ใหญ่คนไหนดูออกน่ะ” ปรากฏว่าหนังทำออกมาได้พอเหมาะครับ ไม่น่ารำคาญ ด้วยโทนที่ออกแนวแฟนตาซีผสมการ์ตูนบวกการแสดงของ Carrey ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นอะไรที่กลมกล่อมไป

อีกจุดหนึ่งที่น่าพอใจคือฉาก บรรยากาศ และความเป็นแฟนตาซีของหนังที่ดูมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง โดยเฉพาะบ้านแต่ละหลังที่ออกแบบได้ดีเลยครับ ทั้งสวยและศิลป์พร้อมด้วยให้อารมณ์เกินจริงนิดๆ แต่ที่ผมชอบมากหน่อยก็คือบ้านของป้าโจเซฟินน่ะครับ ทั้งบ้าน ทั้งบรรยากาศนี่มันแจ๋วได้ใจจริงๆ (คือตอนอ่านหนังสือมันจินตนาการออกมาได้ประมาณนั้นเลยน่ะครับ เลยถูกใจ 555)

ด้านเนื้อเรื่องก็ถือว่าร้อยเรียงได้ดีครับ เอา 3 ตอนมาต่อกันได้เนียนและดูสนุก แม้ผมจะเคยอ่านและพอรู้เรื่องราวก็ยังสนุกไปด้วยได้ ช่วงท้ายก็ถือว่ามีลุ้นกำลังดีครับ ด้านประเด็นการจิกกัดผู้ใหญ่ผมว่าก็ใช้ได้นะครับ สร้างอารมณ์ขันและแอบสะท้อนข้อเท็จจริงบางอย่างได้น่าสนใจ เพราะในโลกแห่งความจริงเรามักคิดว่าเด็กโดนหลอกง่ายกว่าผู้ใหญ่ แต่ถ้ามองในแง่หนึ่ง แม้เด็กจะโดนคนอื่นหลอกได้ง่ายกว่า แต่ผู้ใหญ่ที่ว่าฉลาดหรือผ่านประสบการณ์มามาก บางครั้งก็โดนคนๆ หนึ่งหลอกได้ง่ายดายกว่า… นั่นคือตัวเองหลอกตัวเองไงครับ

ก็ขอชมผู้กำกับ Brad Silberling (Casper, City of Angels และ Moonlight Mile) ที่คุมหนังได้อยู่ในระดับหนึ่งครับ คือโดยรวมถือว่าน่าพอใจ แต่ถ้าถามว่าสนุกมากไหมก็คงต้องตอบว่า สนุกพอสมควรแต่ยังไม่ถึงกับมากจนห้ามพลาด

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)