ดู Abraham Lincoln: Vampire Hunter แล้วหวนนึกถึง Cowboys & Aliens แม้หนังจะคนและแนว แต่ก็ทำให้ตระหนักว่าการสร้างหนังประเภทแทรกอะไรล้ำๆ ใหม่ๆ ลงไปในเหตุการณ์ย้อนยุคนั้น ไม่ใช่ของง่าย
จริงที่ Effect สมัยนี้เราสร้างได้ทุกอย่าง แต่การที่หนังจะลงตัวได้นอกจาก Effect น่าเชื่อแล้ว บรรดาเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงบทหนังก็ต้องสอดคล้องกันเป็นเนื้อเดียว อีกทั้งต้องน่าสนใจชวนให้ติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ
ผมมีโอกาสได้อ่านฉบับนิยายก่อนดูหนัง สารภาพว่าอ่านเพลินแต่ไม่ถึงกับติดหนึบ สิ่งที่ชอบคือการผสมเรื่องแวมไพร์ลงไปในประวัติของท่านลินคอล์นได้อย่างน่าสนและเนียนในระดับหนึ่ง
ที่ชอบมากหน่อยคือการวางพล็อตให้คนดูคล้อยตาม ว่าแนวคิดเรื่องการเลิกทาสและรวมชาติเป็นหนึ่ง อีกทั้งพลังผลักดันให้ท่านลงสมัครเล่นการเมืองนั้น มีที่มาจากการที่ท่านต้องรบกับแวมไพร์มาตั้งแต่วัยเยาว์
ครั้นพอมาถึงฉบับหนังก็ทำใจไว้ล่วงหน้าว่าสิ่งที่ผมชอบจากนิยายคงเลือนๆ ไปตอนขึ้นจอแน่ๆ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ตัวหนังดูจะเน้นไปที่ลีลาแอ็กชันรับมือกับเหล่าผีดิบ ความสยองขวัญ แล้วก็เทคนิคด้านภาพ ซึ่งเรื่อง Effect งานภาพนั้นจัดว่าดีครับ หลายฉากนี่ได้เทคนิคงานภาพนี่แหละทำให้ถึงอารมณ์มากขึ้น เช่น ฉากย้อนอดีตไปเล่าชีวิตของ เฮนรี่ สเตอร์เจส (Dominic Cooper) ที่ภาพสีซีดๆ สร้างความหดหู่อย่างได้ผล ไหนจะฉากสโลว์ทั้งหลายก็ทำให้ลีลารำขวานผลาญแวมไพร์ของท่านลินคอล์นดูชดช้อยไปอีกแบบ
แต่ในส่วนของการเล่าเรื่องกลับไม่มีอะไรดึงดูดชวนให้ติดตาม จริงๆ แล้วผมว่าทีเด็ดอย่างหนึ่งของนิยายคือตอนที่ลินคอล์นต้องใช้สมองแก้เกมเพื่อช่วยเหล่าทาส (หรือเหยื่อ) ให้พ้นจากเงื้อมือของแวมไพร์ผู้โหดเหี้ยม ไม่ว่าจะการวางหมากสกัดหรือใช้แผนซ้อนแผน แต่กับฉบับหนังดูเหมือนส่วนนี้จะหายไปเยอะ นอกจากตอนท้ายที่ลินคอล์น (Benjamin Walker) และคณะ ต้องหาทางพิชิตศึกละเลงเลือดที่เก็ตตี้สเบิร์ก (เป็นศึกที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่านองเลือดมากที่สุด) ก็มีช่วงท้ายนี่แหละครับที่การแก้เกมและความลุ้นเยอะที่สุด
ถ้าตัดเอาความคาดหวังจากนิยายไป ตัวหนังเองก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ แอ็กชันมาเรื่อยๆ เนื้อเรื่องเดินเรื่อยๆ ความสยองก็มาเรื่อยๆ เรียกว่าเรื่อยเป็นส่วนใหญ่น่ะครับ ไม่ถึงกับน่าติดตามหรือตื่นเต้นแบบเต็มๆ และการที่หนังเน้นการสู้กับแวมไพร์มากกว่าจะเน้นในเรื่อง “แรงผลักดันสู่การเป็นประธานาธิบดีอันเนื่องมาจากพวกแวมไพร์” ของท่านลินคอล์น ทำให้มิติของตัวละครลินคอล์นนั้นยังไม่เยอะเท่าที่ควร อันนี้ไม่โทษ Walker เลยครับ ผมว่าเขาเล่นได้โอเค แต่บทไม่เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงแง่มุมทางจิตใจของท่านลินคอล์นสักเท่าไร
Cooper ก็ดูไปได้ดีกับบทเฮนรี่ สเตอร์เจส พันธมิตรผู้ลึกลับของลินคอล์น, Mary Elizabeth Winstead กับบทแมรี่ี ทอดด์ ลินคอล์น หญิงสาวผู้กุมหัวใจท่านประธานาธิบดี, Marton Csokas ก็ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะไม่เลวสำหรับบทแจ็ค บาสท์ แต่รายที่เด็ดสุดและเด็ดมาแค่ไหนแต่ไรก็คือ Rufus Sewell ที่พอเล่นบทร้ายทีไรก็หายห่วงล่ะครับ หน้าตาพี่ท่านเหมาะอยู่แล้ว ยิ่งตอนยิ้มนี่ดูอำมหิตกันไปเลยจริงๆ
ดูเหมือนผมจะบ่นหรือพูดในเชิงลบค่อนข้างมาก แต่ก็อย่าเพิ่งเชื่อครับ คนที่ชอบหนังเรื่องนี้ก็มีอยู่ ส่วนผมก็ว่าไปตามที่รู้สึก นั่นคือ ดูได้เพลินๆ ไม่ถึงขั้นโปรดปราน แต่ชอบไคลแม็กซ์ที่วางเรื่องวางฉากได้ลุ้นดี ยิ่งถ้าคุณรู้เรื่องประวัติศาสตร์คุณจะรู้สึกได้ครับว่าไคลแม็กซ์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญมากๆ เรียกว่าชี้เป็นชี้ตายให้กับสงครามครั้งนั้นได้เลย
สองดาวโดยประมาณ สำหรับท่านลินคอล์นฉบับรำขวานครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Action, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Fantasy, Horror, Vampire Movies