ว่าตามจริงหนังเรื่องนี้มีไอเดียตั้งต้นที่ดีครับ สามารถทำให้เป็นหนังแนวสร้างแรงบันดาลใจหรือหนัง Feel Good ได้แบบสบายๆ เลย
ตัวเอกคือ ทอม เทอร์เนอร์ (Greg Kinnear) ชายกะล่อนที่ชอบต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้ววันหนึ่งเขาก็โดนจับครับ และได้รับคำสั่งว่าต้องหางานทำให้เป็นชิ้นเป็นอัน อย่าไปต้มใครอีก แล้วเขาก็ไปได้งานที่ไปรษณีย์แห่งหนึ่ง ซึ่งตอนแรกเขาก็กะจะหาเรื่องหาเงินเข้ากระเป๋าแบบผิดๆ อยู่เหมือนเดิม
แต่พอเขาได้รู้ว่ามีคนมากมายเขียนจดหมายเพื่อเล่าความทุกข์ของตนแล้วส่งถึง “พระเจ้า” เขาก็เริ่มสนใจที่จะช่วยเหลือคนพวกนั้น ไม่ว่าจะช่วยเป็นการกระทำโดยตรงหรือทำแบบอ้อมๆ โดยการส่งจดหมายตอบกลับไปยังเหล่าคนที่ทุกข์โศกนัั้น
แต่การทำแบบนี้จะถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงและผิดกฎหมายหรือไม่กันหนอ?
อย่างที่บอกครับว่าไอเดียตั้งต้นดีจริงๆ แต่ตัวหนังกลับออกมาอ่อนจนเกินไป อันนี้ต้องแยกเป็นประเด็นๆ ไปครับ เพราะหนังมีองค์ประกอบที่ดีและไม่ดีปนๆ กัน อย่างการแสดงของ Kinnear นั้นถือว่าดีครับ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงนำด้วย การที่เขาแสดงได้ขนาดนี้นี่ถือว่าน่าชื่นชมทีเดียว แต่ปัญหาคือบทครับ บทนั้นทำให้เราเชื่อว่าเขาคือคนจอมกะล่อนที่ชอบต้มคนในตอนต้น แต่สำหรับช่วงครึ่งหลังที่เขาเปลี่ยนไปเป็นคนที่ดีกว่าเดิมน่ะ หนังเล่าตรงนี้ยังไม่ดีสักเท่าไร ซึ่งทำให้ครึ่งท้ายดูอ่อนลงไปพอสมควร
แล้วโทนหนังก็ยังออกมาแบบเล่นๆ มากเกินไป ตัวละครส่วนใหญ่ก็ออกแนว “ล้นเกิน” จนทำให้หนังเสียกระบวนไป
ยอมรับว่าเสียดายเหมือนกันครับ เพราะถ้าทำดีๆ นี่หนังจะเป็นแนว Feel Good และเป็นหนังน่ารักได้ไม่ยากเลย ซึ่งก็คาดว่าหนังน่าจะมีปัญหาตั้งแต่ในระดับ “บทหนัง” แล้วล่ะครับ เพราะดาราที่ได้รับการทาบทามให้มาแสดงนำอย่าง Tom Hanks, Robin Williams และ Richard Dreyfuss ต่างก็บอกปัดบทนี้ ทั้งที่จริงๆ บทแบบนี้น่ะ ถ้าเขียนดีๆ ก็ชิงออสการ์ได้เลย แต่จากที่เห็นในหนังก็ทำให้พอมองออกว่าบทยังไม่ลงตัวมากพอสักเท่าไร
หนังกำกับโดย Garry Marshall แห่ง Pretty Woman, The Princess Diaries และ Runaway Bride ซึ่งหนังของเขาก็จะมีอยู่ 2 แบบครับ แบบแรกคือทำออกมาแล้วพอดี ลงตัว จนคนดูชื่นชอบ ส่วนอีกแบบก็จะเป็นหนังที่ “ดีได้อีก” แบบเรื่องนี้เป็นต้น (แน่นอนว่าพอมี Marshall กำกับ ก็ต้องมี Hector Elizondo โดดลงมาร่วมแสดงด้วยเสมอ)
โดยสรุปก็คือหนังนั้น จริงๆ ก็ดูได้ครับ แต่อาจไม่เพลินเท่าไร ตอนต้นๆ นั้นผมว่ายังโอเคนะ แต่ตอนหลังๆ พอปมมันขมวด พอหนังจะปูให้เราเอาใจช่วยทอม ใจเรามันก็ไม่คล้อยตามแบบเต็มที่ เพราะเราไม่ได้รู้สึกว่าทอมจะเปลี่ยนไปขนาดนั้น หรือสิ่งที่ทอมทำ หนังก็นำเสนอยังไม่กินใจเท่าที่ควร จนพลังในตอนท้ายมีไม่มากพอที่จะทำให้เราชื่นชมทอมแบบเต็มๆ (คือสิ่งที่ทอมทำนั้นน่าชื่นชมครับ แต่ยังไม่พีคถึงจุดที่หนังพยายามพาเราไป)
ไม่ถึงสองดาวครับ
(5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy