แล้วเราก็มาถึงภาพยนตร์กังฟูที่ได้รับการยกย่องว่าเด็ดที่สุดของ บรูซ ลี แล้วล่ะนะครับ หลังจากเขาสร้างชื่อเสียงด้วยหนังฮิตติดต่อกันถึง 3 เรื่อง แล้วยังเป็นการประกาศศักดาพลังแห่งกังฟูให้ชาวโลกได้รู้จักด้วยลีลาอันน่าตื่นตาบนแผ่นฟิล์ม ในที่สุด ฮอลลีวู้ดก็เป็นฝ่ายหันหน้ามาหาเขาครับ
Warner Bros. ได้ทำการติดต่อให้เขาไปแสดงนำในหนังแอ็กชันที่ถือว่าเป็นหนังกังฟูเรื่องแรกที่สร้างโดยสตูดิโอใหญ่ของฮอลลีวู้ด ร่วมกับนักแสดงชื่อดังในขณะนั้นอย่าง John Saxon และดารานักบู๊เลือดใหม่อย่าง Jim Kelly ตามด้วย Kien Shih ดาราชาวจีนระดับตำนานอีกคน
ด้านเนื้อหานั้นก็ออกแนวสายลับหน่อยๆ ครับเฮียบรูซของเรา รับบทเป็น ลี ศิษย์เอกแห่งวัดเส้าหลินที่ได้รับการร้องขอจากทางการให้ช่วยแทรกซึมเข้าไปยังเกาะลึกลับที่เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของจอมวายร้ายชาวเอเซียที่ชื่อ ฮาน (Kien Shih) ซึ่งพอดีที่ฮานนั้นคือศิษย์เอกในอดีตคนหนึ่งของเส้าหลินเหมือนกันครับ แต่พี่ท่านกลับใช้วรยุทธ์ในทางร้าย หาผลประโยชน์ใส่ตน กดขี่ข่มเหงคนอื่น แล้วยังทำธุรกิจผิดกฎหมายอีกด้วย
ดังนั้นทั้งในแง่ทางการและในแง่ปราบศิษย์ทรยศให้กับสำนัก ลีจึงต้องเดินทางไปยังเกาะแห่งนั้นให้ได้ และเมื่อเขาไปถึงที่นั่น ก็พบว่าฮานได้ทำการส่งเทียบเชิญยอดฝีมือจากทั่วแคว้นให้มายังเกาะเพื่อชักชวนให้แต่ละคนหันมาร่วมมือ สร้างอาณาจักรอันชั่วร้ายกับเขา ซึ่งบ้างก็สนใจ แต่บ้างก็เลือกที่จะต่อต้าน (และคนที่ต่อต้านก็ต้องโดนเก็บไปตามระเบียบ)
ลีจึงต้องหาทางถล่มฐานลับของฮานให้สิ้นซาก เพื่อปิดฉากเกาะแห่งความชั่วร้ายนี้ลงให้จงได้ก่อนแผนการณ์ของฮานจะสัมฤทธิ์ผล
เนื้อเรื่องได้กลิ่นอายสายลับหน่อยๆ จริงไหมครับ เหมือนพวกเจมส์บอนด์ เพียงแต่ตัวเอกเราไม่ได้ใช้ปืนเลยครับ ออกหมัดซัดกังฟูล้วนๆ
สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกตอนดูหนังเรื่องนี้คือ เฮียบรูซของเรานั้นเหมือนจะเป็นตัวเอกครับ แต่ด้านความเด่นกลับยังไม่สุด คาแร็คเตอร์เหมือนจะยังดันให้เด่นได้อีก เป็นประมาณเจมส์ บอนด์ไปเลยก็ได้ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น จนอดคิดไม่ได้น่ะครับว่า แม้ฮอลลีวู้ดจะตามตัวเขาไปก็ตาม แต่ก็อาจจะยังไม่มั่นใจในตัวเขาแบบเต็มที่และยังไม่ให้อิสระแบบเต็มร้อยในการทำงาน บทของลีที่น่าจะเด่นมากๆ ก็เลยเด่นแบบกั๊กๆ ไปโดยปริยาย
ขณะเดียวกันบทของตัวละครเจ้าอื่น อย่างโรเปอร์ของ John Saxon แล้วก็บทวิลเลี่ยมส์ ของ Jim Kelly ก็เหมือนจะมาเพื่อเป็นตัวเด่นเหมือนกัน กล่าวคือหนังเหมือนจะพยายามทำให้มีพระเอกตัวหลัก 3 คนน่ะครับ ไม่ได้เด่นแค่ลีคนเดียว ซึ่งจริงๆ หนังที่มีตัวเด่นหลายตัวเนี่ย หากทำดีๆ มันก็ดีแหละครับ แต่หากผู้กำกับชั่วโมงบินยังไม่ถึง มันก็อาจจะประดักประเดิด เกินๆ ขาดๆ ขึ้นมาก็ได้
ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็คือ Robert Clouse ที่ผ่านมาก็ทำหนังไม่กี่เรื่องครับ ชั่วโมงบินของพี่แกจะว่าไปก็ยังไม่เยอะหรอก การแจกแจงบทที่มีตัวเอกถึง 3 รายนี่จึงยังไม่ค่อยเนียนสักเท่าไร ทำให้ในแง่ความเด่นของตัวละครนั้น พร่องไปอย่างน่าเสียดายครับ
แต่ถ้าตัดเรื่องการแจกแจงความเด่นออกไป แล้วพูดถึงด้านอื่นของหนังล่ะก็ ผมก็ต้องขอยกนิ้วให้ในหลายๆ ด้านเลยล่ะครับ เริ่มจากดนตรีก่อน ฮ่า แต่งโดย Lalo Schifrin ซึ่งเป็นนักประพันธ์เพลงที่มีกลิ่นอายอเมริกันผสมกังฟูได้ยอดฝีมือมากๆ (อย่างใน Rush Hour ของเฉินหลงก็ได้เขานี่แหละครับไปทำดนตรีเหมือนกัน) ตามด้วยฉากต่างๆ ที่ทำได้ดีครับ ดูลงทุน แม้จะไม่อลังการเท่าหนังเจมส์ บอนด์ แต่ก็ถือได้ว่าดีในระดับน้องๆ เลยล่ะ พวกฉากฐานใต้ดิน หรือฉากตอนนักสู้มาประมือกัน ทำออกมาได้สวยใช้ได้
และที่ต้องยกนิ้วให้สองแม่โป้งกว่าๆ เลยคือ ฉากไคลแม็กซ์ เมื่อลีต้องสู้กับฮานแบบตัวต่อตัวในห้องกระจก ก็ทำออกมาได้คลาสสิกเลยล่ะครับ ดูตื่นเต้น มันส์ และได้อารมณ์มากๆ จนเป็นฉากที่ได้รับการกล่าวขวัญมาจนถึงทุกวันนี้ครับ (แล้วก็มีคนเดินตามรอยเพียบเลยเช่นกัน)
ฉากบู๊ต่อสู้ก็จัดว่ามันส์ครับ การเดินเรื่องแม้จะมีอืดบ้าง แต่ก็นับว่าลื่นใช้ได้
ถ้าถามว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดของเฮียบรูซหรือไม่… ผมตอบไม่ได้แฮะ เพราะมันก็ไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์สุดยอดหรอกนะครับ แต่มันกลมกล่อม ลงตัว จริงๆ หนังถือว่าทำได้ดีมากๆ เลยล่ะ ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือความเด่นของตัวละครอย่างที่ผมบอกไปตอนต้น นั่นคือปัญหาใหญ่ที่สุดของหนังเรื่องนี้ และเป็นอะไรที่ชวนติดใจที่สุด แต่เอาเข้าจริงๆ หนังเรื่องนี้มีจุดดีเยอะกว่าจุดเสียครับ แต่เสียดายหน่อยที่จุดเสียที่มีนิดเดียวนั้นดันเป็นจุดที่สำคัญซะด้วย
เอาเถอะครับ ถ้าดูแบบไม่มองจุดเสียที่ว่า เราก็จะได้ความสนุกแบบเต็มเม็ดจากหนังเรื่องนี้ เพราะฉากบู๊ดี มีอารมณ์หนังสายลับ เพลงก็เพราะ ช่วงมันส์ก็มันส์ ช่วงลึกลับก็ลึกลับ ได้อารมณ์มากๆ และแม้การแจกแจงตัวละครจะไม่ดี แต่อย่างน้อย ดาราก็เล่นกันได้ถึงฟอร์มล่ะครับ เฮียบรูซก็ออกแนวกวนนิดๆ แกร่งหน่อยๆ ตามสไตล์ ส่วน Saxon ก็มาเท่ห์ หล่อๆ ดูเป็นเจ้าชายนักบู๊ และ Kelly ก็ออกแนวบู๊ใจร้อน แต่ละคนมีคาแรคเตอร์ดีล่ะครับ แต่ไม่เด่นเท่านั้นเอง
ทีนี้พอตัวเอกที่เป็นฝ่ายดีดันตัดกันเอง ความเด่นแท้ๆ เลยมาตกอยู่ที่ผู้ร้ายของเรื่องอย่างฮาน ที่ Kien Shih เล่นได้อย่างสุดยอด โหด เหี้ยม รอยยิ้มเปื้อนโลหิตนี่เด็ดมากจริงๆ ครับ จนผมบอกได้เลยว่า แค่ดูพี่ท่านคนนี้ก็คุ้มมากๆ แล้วล่ะ ยิ่งตอนท้ายที่ตีกับเฮียบรูซนั่นก็ยอดสุดๆ ไปเลย ดูเป็นผู้ร้ายมีระดับไม่แพ้ตัวร้ายหนังบอนด์เลยล่ะครับ
ด้านความสำเร็จก็รับไปเต็มๆ ทำรายได้ $90 ล้านทั่วโลก จากทุนสร้างไม่ถึงล้านครับ แต่พอหนังมาฉายที่ฮ่องกง แม้จะทำเงินในระดับยอดก็ตาม แต่ยังไม่ถึงขั้นเยี่ยม เพราะรายได้รวมยังน้อยกว่า Fist of Fury และ The Way of The Dragon อยู่หน่อยหนึ่ง ว่ากันว่าเพราะชาวฮ่องกงรู้สึกไม่เต็มอิ่มนิดๆ ที่เฮียบรูซแกไม่เด่นเหมือนสองเรื่องที่แล้ว
ครับ แต่โดยรวมๆ หนังก็นับว่าไม่ผิดหวังสำหรับคอหนังเฮียบรูซ
เอาล่ะ ทีนี้มาดูเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ กันนะครับ หนังเรื่องนี้มีว่าที่นักแสดงกังฟูมีชื่อในอนาคตมาแสดงด้วย ได้แก่ เฉินหลงครับ โผล่มารับบทเป็นลูกน้องคนหนึ่งของฮาน ในฉากที่ลีบุกลงไปในฐานใต้ดิน เฮียเฉินแกเป็นคนที่โดนลีจิกหัวแล้วก็หักคอนั่นแหละ ซึ่งตอนถ่ายทำฉากที่ว่านี้มีการผิดคิวขึ้นเล็กน้อย คือเฮียบรูซทำให้เฮียเฉินแกบาดเจ็บ เฮียบรูซจึงรีบขอโทษครับ และทั้งคู่ก็เริ่มรู้จักกัน เฮียบรูซยังตบท้ายการขอโทษด้วยว่า เขาจะให้เฮียเฉินได้แสดงหนังทุกเรื่องของเขานับแต่นี้ไป (แต่เสียดายที่เฮียบรูซเองเสียชีวิตหลังจากแสดงหนังเรื่องนี้ได้ไม่นาน)
นอกจากนี้ก็มีหงจินเป่า มาแสดงเป็นคู่ประลองที่วัดเส้าหลินตอนต้นเรื่องครับ แล้วก็ยังมีหยวนหัว (ที่แสดงเป็นเจ้าของตรอกเล้าหมูใน Kung Fu Hustle น่ะครับ) มาแสดงเป็นหนึ่งในนักสู้ที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงของฮาน ฉากที่ฮานโชว์มีดสั้นนั่นแหละครับ หยวนหัวเป็นคนหนึ่งที่ได้รับมีดสั้นนั้น
… สรุปใจความได้เลยนะครับว่า คอหนังกังฟูและแฟนของหนังบรูซลี คงจะพลาดเรื่องนี้ไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะของเขาดี ของเขาเด็ดครับ แม้จะยังไม่สุดยอด แต่ถ้าหักกลบลบดีๆ แล้ว หนังเรื่องนี้ก็สมควรที่จะได้รับตำแหน่ง หนังบู๊ที่ดีที่สุดของบรูซลีอยู่ดี
สองดาวครึ่งกว่าๆ ครับ
(7.5/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, หนังแนะนำ Recommended, Thrillers