ในแง่ความบันเทิง The Hunger Games ตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีทั้งพล็อตชวนติดตาม มีแอ็กชันมีความตื่นเต้นชวนลุ้น และมีเรื่องให้สะเทือนใจแทรกเป็นพักๆ
ในแง่ดารา ต้องยกนิ้วให้ Jennifer Lawrence ที่เด่นจนน่าทึ่ง Josh Hutcherson ก็นับว่าน่าพอใจ ส่วนดาราทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นกลางอย่าง Donald Sutherland, Woody Harrelson, Elizabeth Banks, Stanley Tucci, Toby Jones และ Wes Bentley ก็เสริมใยเหล็กให้หนังออกมาแกร่งกำลังดี
ในแง่ประเด็นสาระและการจิกกัดเสียดสีก็ถือว่ามีอะไรๆ ชวนให้คิดหลายประการ อย่างเช่น
+ ช่วงที่ดูหนังเรื่องนี้รอบแรก ผมกำลังมีคำถามในใจครับว่า “โดยเนื้อแท้แล้ว มนุษย์เรามีธรรมชาติเป็นเช่นไร?” ซึ่งคำถามนี้ก็มีคนถกเถียงกันมาตลอด บ้างก็ว่าตามจริงมนุษย์เป็นผ้าขาว เรามีจิตสำนึกที่ดีติดตัว แต่ที่เปลี่ยนก็เพราะสิ่งแวดล้อม
บ้างก็ว่าเปล่าหรอก มนุษย์ก็เหมือนสัตว์นั่นแหละ เรามีสัญชาตญาณเอาตัวรอดมาแต่กำเนิด ดังนั้นดี-ไม่ดีนั้นมันเป็นแค่นิยามในภายหลัง แต่เอาเข้าจริงแล้ว ในใจเรามันไม่ได้มีนิยามคำว่า “ดีร้ายเลวเลิศ” อะไรหรอก เรามีแค่ “อยู่ให้รอด” กับ “หนีตายให้พ้น” เท่านั้น
อันไหนที่ใช่กันแน่? คงถกกันได้เป็นวันครับ
สำหรับผม หลังจากดูหนังสไตล์นี้ (นอกจากเรื่องนี้ก็มี Battle Royale) ผมมองกลางๆ ครับ… จริงที่เรามีสัญชาตญาณเอาตัวรอด ณ บางนาทีเราอาจไม่มีคำว่าดี-ชั่วอยู่ในใจ มีแค่ทำยังไงให้ฉันรอด
แต่เพราะคนมีความคิด มีการปรุง มีการสอนแนะนำ สัญชาตญาณของเราก็เลยมีความประณีตมากขึ้น
สัญชาตญาณที่ผ่านการปรุง ผ่านการลวก มันย่อมดิบน้อยลง
ผมไม่รู้จริงๆ ว่าต้นธารแห่งธรรมชาติมนุษย์มันเป็นยังไง… รู้แค่ว่าคนเปลี่ยนได้ พัฒนาได้ เห็นอกเห็นใจและช่วยเหลือกันได้ หรือจะดึงลงต่ำให้ทำชั่ว แก่งแย่งฉกชิงกัน นั่นก็ได้เช่นกัน
แม้ไม่รู้ธรรมชาติที่ต้นทาง มารู้ตรงปลายทางก็ยังดี
+ ในเรื่อง เราอาจมองว่า “การปรับตัวเพื่ออยู่ให้รอด” มีแค่ในสนามฮังเกอร์ เกม แต่เอาเข้าจริงที่นอกสนามนั่นก็พอกันครับ ผู้แข่งขันแต่ละคนก็ต้องทำตัวเองให้เด่น ดึงเรตติ้ง หาสปอนเซอร์ ฯลฯ
ตอนสัมภาษณ์นั่นแหละ ที่ทำให้คนดูสัมผัสได้ว่า เคทนิสมีความสามารถในการปรับตัวสูงอย่างแรง
+ มนุษย์มีอำนาจทำอะไรได้มากมายครับ มันอยู่ที่เราจะทำอะไร เราจะใช้อำนาจในทางไหน และถ้าเราเป็นผู้มีอำนาจ เราจะรักษามันโดยการใช้ชีวิตและเลือดเนื้อของคนอื่นเป็นเครื่องสังเวยไหม
แต่ที่แน่ๆ ประธานาธิบดีสโนว์ (Sutherland) ใช้ครับ และจุดนี้ทำให้เราอยากรู้ว่าที่สุดแล้ว บทลงเอยของเขาจะเป็นเช่นไร
+ ความหวังมีพลังมากกว่าความกลัว แต่ความกลัวใช้งานง่ายกว่า
ลองเหลียวซ้ายแลขวาดูนะครับ… โลกนี้มีความหวังหรือความกลัวแพร่กระจายอยู่มากกว่ากัน
ดนตรีของ James Newton Howard ยังคงเด็ดเหมือนเดิม ลีลาของเขามักจะใช้ท่วงทำนองมาขับเร้าภาพหรือเหตุการณ์ในฉากนั้นๆ ให้มันเด่นขึ้น โดยดนตรีจะทำหน้าที่เป็นเพียงแบ็คกราวน์ กล่าวคือฉากนั้นๆ จะเด่นด้วยดนตรี แต่ดนตรีจะไม่แซ่บเกินหน้าฉากนั้นๆ
ลีลาแบบนี้ Howard ทำได้เสมอครับ
สนุกดีครับสำหรับเรื่องนี้
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, หนังแนะนำ Recommended, Sci-Fi, Thrillers