ถ้าหากว่าคนรักของคุณสมองกระทบกระเทือน ส่งผลให้ความทรงจำทั้งหมดที่เขาหรือเธอมีต่อคุณหายไปจนสิ้น ว่าง่ายๆ คือเขาจำไม่ได้ว่าคุณคือใคร และจำความรักที่คุณมีให้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย… เช่นนั้นแล้ว คุณจะทำอย่างไร?
The Vow ก็เกี่ยวกับคำถามนั้นแบบเต็มๆ ครับ กับเรื่องราวว่าด้วยลีโอ (Channing Tatum) และ เพจ (Rachel McAdams) คู่รักสุดหวานที่ตกหลุมรักกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน แบ่งปันความฝันกันและกันมานาน แล้วก็ได้เข้าพิธีวิวาห์ในท้ายสุด ทว่ากลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อทั้งสองประสบอุบัติเหตุรถชน ส่งผลให้เพจกระทบกระเทือนทางสมอง และความทรงจำทั้งหมดที่เธอมีเกี่ยวกับลีโอหายไปจนหมด
ความทรงจำก่อนหน้าอย่างเรื่องพ่อแม่ (Sam Neill และ Jessica Lange) และครอบครัว รวมไปถึงคนรักเก่าสมัยก่อนจะเจอกับลีโอนั้น เธอกลับจดจำพวกเขาและเรื่องราวในอดีตได้อย่างดี แต่สำหรับลีโอแล้ว… เขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับเธอ
กระนั้นลีโอก็ไม่ยอมแพ้ ยังหาทางฟื้นความทรงจำเพื่อทำให้ภรรยาสุดที่รักของเขานั้นกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้… แต่ผลจะลงเอยเช่นไร ก็ต้องดูหนังกันนะครับ
ผมรักหนังเรื่องนี้จัง จริงๆ ครับ พล็อตอาจดูน้ำเน่านิดๆ แต่ผู้กำกับ Michael Sucsy (ที่ทำหนังใหญ่เป็นครั้งแรก) สามารถคุมเรื่องราวให้น่าติดตาม มีบรรยากาศพอเหมาะในแต่ละช่วง อย่างตอนเล่าเรื่องอดีตรักสุดหวานของทั้งสอง ก็ได้อารมณ์โรแมนติก จนเราเชื่อได้ไม่ยากว่าสองคนนี้รักกันมากขนาดไหน ครั้นพอถึงวาระที่ตัวเอกเช่นลีโอ หมดแรงกายแรงใจ ความหดหู่ซึมเศร้าก็แทรกเข้ามาในแผ่นฟิล์มได้อย่างถึงขีด
ดูแล้วอินน่ะครับ
อยากขอยกนิ้วให้ Tatum และ McAdams จริงๆ ครับ ทั้งสองเล่นได้เข้ากันมากๆ ซึ่งรายหลังนั้นผมไม่สงสัยอยู่แล้วครับ แสดงบทนางเอกในหนังรักทีไรก็ได้ใจทุกทีไป ไม่ว่าจะ The Notebook หรือ The Time Traveler’s Wife หรือตอนความจำเสื่อมก็หน้านิ่งได้ใจ ตอนเธอทำหน้าประมาณว่า “ฉันจำเรื่องพวกนี้ไม่ได้จริงๆ” มันให้อารมณ์นั้นเลยครับ เหมือนสมองเธอมัน Blank ขึ้นมาจริงๆ
ส่วน Tatum ก็เวิร์กใช้ได้เลยนะครับ ผมว่าเขาไม่ใช่พระเอกหวานแบบ Hugh Grant หรืออบอุ่นแบบ Richard Gere แต่ออกแนวคนหนุ่มยุคใหม่ที่ไม่เก่งนักในการแสดงอารมณ์ ซึ่งมันต่างจากเวลาผมดูพระเอกหนังรักแสดงแล้วไม่ลื่นไหลนะครับ อันนั้นมันคือเล่นแข็ง แต่กับ Tatum นี่พี่แกดูแข็งนอกก็จริง แต่แววตากับท่าทางพอจะบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในได้
ดาราสมทบรายอื่นก็หายห่วงครับ Neill กับ Lange เป็นมืออาชีพอยู่แล้วครับ แต่ถ้าให้ว่ากันจริงๆ แล้ว 2 ดารานำเอาหนังเรื่องนี้อยู่จริงๆ ครับ เรียกว่าไม่ต้องรอดาราบทไหนมาเป็นชูรสเลย เพราะรสมันกลมกล่อมพอเหมาะอยู่แล้ว
เป็นหนังรักที่หวานครบทางอารมณ์ครับ รักก็มี โรแมนติกหวานๆ ก็มี ตลกก็มี ซึ้งก็มี ดราม่าก็มี บรรยากาศยามอบอุ่นก็ได้ หรือยามเซ็งยามท้อตามตัวละครก็ได้อีก… ขอแจงก่อนครับว่าอันนี้เป็นอะไรที่ผมรู้สึกล้วนๆ ท่านดูแล้วอาจไม่ได้รู้สึกมากอย่างผมก็ได้นะครับ ดังนั้นอ่านตาไว้ตา (ฟังหูไว้หู) บ้างก็ดีครับ อย่าเพิ่งรีบเชื่อผมมาก
ระหว่างดูผมก็เอาใจช่วยพระเอกตลอดครับ อย่างที่บอกว่ามันอิน เข้าใจอารมณ์เลยว่ายามเรารักใครมานานมากๆ แล้วจู่ๆ ก็เหมือนต้องเริ่มต้นใหม่ แต่เป็นการเริ่มต้นที่ช้ำใจมากๆ เพราะในขณะที่เขาลืมทุกสิ่งไปหมด แต่ตัวเรายังจำได้แม่น แล้วในสถานการณ์แบบนี้ คนที่ยังจำได้นี่แหละครับที่น้ำตาตกได้ง่ายอย่างยิ่ง และยังเป็นภาวะที่ “น้ำตาไหลเพียงลำพัง” เพราะใครอีกคนที่เคยเคียงข้างซับน้ำตาเรากลับไม่อยู่อีกต่อไป แม้ตัวคนๆ นั้นจะอยู่ตรงหน้าเราก็เถอะ แต่คนนั้นลืม “รักในอดีต” ไปจนหมดแล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของเขาอีกต่างหาก
สิ่งประทับใจมีหลายอย่างครับ และอย่างที่ชอบมากที่สุด (ย่อหน้าที่เป็นตัวสีน้ำเงินนั้นจะมีการสปอยล์เนื้อเรื่องนะครับ ถ้ายังไม่อยากทราบ กรุณาข้ามไปอ่านย่อหน้าที่เป็นตัวอักษรปกติก่อนนะครับ)
ที่ชอบที่สุดคือ ความรักที่ลีโอมีให้เพจนั้นยังคงเสมอต้นเสมอปลาย ในช่วงแรกเขาพยายามทำให้เธอกลับเป็นคนเดิม แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเขากลับเลือกที่จะรักเธอในแบบที่เธอเป็นในปัจจุบัน ปรับตัวเข้าหาเธอ และค่อยๆ จูนตัวเองเข้าหาเธอเสมือนหนึ่งเพิ่งเริ่มรู้จักใหม่อีกครั้ง
ผมว่าแบบนี้ “พระเอกมากๆ” เลยนะครับ ชวนให้ย้อนมองถึงตัวเราที่บางครั้งก็อยากให้คนรักเป็นแบบนั้น อยากให้เขาเป็นแบบนี้ มัวมีข้อแม้ว่าเพราะทำตัวแบบนี้ฉันถึงไม่รัก เพราะทำตัวแบบนั้นฉันถึงรักมาก ทั้งที่บางครั้งเขาก็เป็นเขาแบบนี้มานานแล้วนั่นแหละ เพียงแต่ตอนรักกันใหม่ๆ เราเลือกที่จะมองข้าม แล้วมองแต่ด้านดี ครั้นพอความรักบรรเทาความแรงลง ก็เหมือนหมอกควันที่เริ่มจาง เราจะเริ่มเห็นเขาหรือเธอเป็นในแบบที่เป็นจริงๆ และเมื่อนั้นถ้าเราไม่ชอบ (ทั้งที่สิ่งที่เขาเป็นนั้น ไม่ใช่เรื่องผิด แต่แค่ไม่ตรงกับความต้องการของเรา) เราก็จะหงุดหงิดและตั้งคำถามขึ้นมาว่า “ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไป ทำไมเธอถึงไม่เป็นแบบนั้นล่ะ?”
หรือบางครั้งคนรักของเราเปลี่ยน ไม่ว่าจะเปลี่ยนเพราะร่างกาย (เช่นประจำเดือนมา หรือประจำเดือนหมด) หรือเปลี่ยนเพราะจิตใจ (เช่น อยู่กับเรานานจนชินและทำตัวสบายเกินไปมากขึ้น) อันนี้เราก็ต้องรับและปรับเข้าหากัน อันไหนไม่ชอบและส่งผลเสียจริงๆ ก็ว่ากันไปตามตรง แต่บางคนกลับเลือกที่จะหงุดหงิดและมองมันเป็นปัญหา ตามด้วยการต่อว่าคนรักแบบสาดเสียเทเสีย… ทั้งที่จริงๆ พูดกันดีๆ ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ดีไม่ดีมันอาจนำผลลัพธ์ที่ดีกว่ามาให้ด้วย
แล้วนายลีโอก็เลยพยายาม ให้เริ่มจีบใหม่ก็ยอม แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเขาก็ยอมรับความจริงว่ามันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะทำให้คนรักเก่าของเขานั้นกลับมาเป็นคนเดิมได้ และการดันทุรังหาทางฟื้นความจำของเธอแบบนี้ รังแต่จะทำให้เธอทุกข์… ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกที่จะเดินจากมา… เพราะเขาไม่อยากให้คนที่เขารักต้องทุกข์และตกอยู่ในวังวนความสับสน อันเนื่องมาจากตัวเขาอีกต่อไป… พระเอกจริงๆ เล้ยพี่
คำที่ว่า “บางครั้งเมื่อเรารักใครสักคน การแสดงความรักที่ดีที่สุดหาใช่การจับตัวเขาเอาไว้แล้วเกิดแต่ความทุกข์ ทว่าคือการปล่อยเขาไป ให้เขาได้ไปในที่ที่จะมีความสุขได้มากกว่ายามที่อยู่กับเรา”
นั่นเองที่เข้านิยามรัก อันที่ว่า “รักคือความเสียสละ” เราเจ็บคนเดียว ย่อมดีกว่าปล่อยให้เจ็บทั้งสองคน โดยเฉพาะคนที่สองคือ “คนที่เราบอกว่า เรารักเขามาก”
อะไรเหล่านี้ทำให้ลีโอได้ใจคนดูไปเยอะครับ และจุดที่ทำให้ได้ใจมากๆ คือไคลแม็กซ์สำคัญ ที่ทำให้เพจกลับมาหาลีโออีกครั้ง
หากใครดูแล้วจะจำได้ว่าเหตุผลที่ทำให้เพจผละจากครอบครัวมาหาลีโออีกครั้งก็ตอนที่เพจรู้ว่า แท้จริงแล้วพ่อแม่และน้องรวมถึงคนอื่นๆ พากันปิดบังความจริง เพื่อรั้งให้เธออยู่กับพวกเขาไปนานๆ ไม่หนีไปจากพวกเขาอีก
จุดนี้พระเอกยิ่งได้คะแนนบวก (ทั้งในสายตาคนดูและนางเอก) เพราะในขณะที่คนอื่นๆ หลอกเธอโดยอ้างคำรัก และหวังเก็บเธอไว้ แต่พระเอกกลับเลือกที่จะไม่ใช้วิธีให้ร้ายคนอื่น (แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม) เพื่อทำให้คนรักกลับมาหาเขา เพราะแต่เขาอยากให้เพจกลับมารักเขาจากใจจริง ไม่ใช่จากคำลวงหรือจากการขุดเรื่องแย่ๆ ของครอบครัวเธอมาพูด
คนอื่นหลอกเธอเพื่อไม่ให้เธอจากไปไหน ในขณะที่ลีโอเลือกปล่อยเธอไป โดยไม่ฉวยประโยชน์จากคำลวงหรือความจริงใดๆ ก็ตามที่อาจทำให้เธอเจ็บปวด
สำหรับลีโอแล้ว การจะได้มาซึ่งความรัก ไม่ใช่ได้มาเพราะเงื่อนไข แต่ควรได้มาเพราะ “ความรัก ความห่วงใย และความจริงใจมันสั่งสมเบ่งบานจนได้ที่” นั่นจึงเป็นรักที่เขาอิ่มใจที่จะได้รับ และเพจเองก็จะได้สุขใจ มิใช่ต้องมามีรักที่แลกมาด้วยความช้ำ
ผมชอบบทสรุปของเรื่องนะครับ ในที่สุดแล้วเพจก็ยังจำลีโอไม่ได้ แต่ด้วยความจริงใจที่เขามีให้เธอเสมอ นั่นเองที่ทำให้ความรักครั้งใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้ง
แม้จะเป็นรักครั้งใหม่ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เบ่งบานเติบโตจากหัวใจสองดวง… สองดวงเดิมที่เคยเติมเต็มให้กัน
อะไรจะโรแมนติกได้มากไปกว่านี้
หมดสปอยล์แล้วนะครับ ยาวมากแต่ก็อยากเขียนเพราะรู้สึกประทับใจกับหนังจริงๆ เอาเป็นว่าหนังมีดีครับ รักหวานแฝงสาระดีๆ หลายประการ ดูแล้วเชื่อว่าคนชอบหนังแนวนี้จะซึ้งได้ไม่ยาก
สำหรับพล็อตหนังนั้นก็มีเค้าโครงจากเรื่องจริงครับ คู่รักที่เจอเรื่องแบบนี้นั้น มีนามว่า Kim และ Krickitt Carpenter ซึ่งทั้งสองรักกัน และแต่งงานในวันที่ 18 กันยายน ปี 1993 แต่ปรากฏว่าอีกเพียง 10 อาทิตย์ต่อมา ทั้งคู่ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และส่งผลให้ Krickitt สูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับ Kim ไปทั้งหมด
บทสรุปลงเอยก็เหมือนในหนังน่ะครับ (ไม่ขอสปอยล์ล่ะนะครับ) แต่บอกได้ว่าสรุปได้ดีครับ สวยงามมากๆ
ถ้าอยากดูหนังรักดีๆ สักเรื่อง ผมว่าเรื่องนี้โรแมนติก แฝงแง่คิดครบทั้งสาระและบันเทิงครับ
สองดาวสามส่วนสี่ดวงครับ
(7.5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, หนังแนะนำ Recommended, Drama, Romance