หนังบู๊ระดับตำนานของเฉินหลงที่แม้จะเก่ากว่า 30 ปี แต่พอเอามาดูในตอนนี้ ดีกรีความมันส์ก็ไม่ลดลงเลยครับ สนุกมาก เพลินมาก ถึงเครื่องมากจริงๆ
ในเรื่องเฮียเฉินรับบทนายตำรวจจอมลุยนามว่า เฉินกูกู๋ (หรือ “กุ๊กกู๋” ตามการพากย์ลงแผ่นล่าสุด) ที่ได้รับมอบหมายให้จัดการกับแก๊งค์ค้ายาเสพติดของจูถาว (ฉู่หยวน) จอมวายร้ายที่ทำความผิดมากมายโดยไม่เกรงกฎหมาย
แน่นอนว่าหมอนี่ฉลาดเหลี่ยมจัด ทำให้การเล่นงานมันทำได้ไม่ง่ายนัก ซึ่งทางเดียวที่จะเอาผิดจูถาวได้คือการนำตัวเซรีน่า (หลินชิงเสีย) เลขาส่วนตัวมาเป็นพยาน และภารกิจอันนี้แหละครับที่ทำให้กูกู๋ต้องเจอกับอุปสรรคเสี่ยงตายสารพัด แล้วยังต้องพยายามถนอมต้นรักระหว่างเขากับอาเมย์ (จางม่านอวี้) แฟนสาวอีกต่างหาก
หนังมันส์มากครับ จุดเด็ดที่เด่นมากๆ ของเรื่องนี้มี 3 อย่าง
+ อย่างแรกคือ คิวบู๊โคตรสะใจ เล่นจริงเจ็บจริง หรือฉากไหนพังข้าวของก็พังจริงถล่มจริง ฉากที่ทุกคนต้องจดจำคือตอนขับรถไล่ล่าจนทำเอาชุมชนบนภูเขาต้องพังเป็นแถบๆ อีกฉากก็ตอนไคลแม็กซ์ ที่ทั้งกูกู๋และผู้ร้ายผลัดกันโดนอัด โดนซัดใส่กระจกกันเป็นว่าเล่น อะไรเหล่านี้ถือว่าลงทุนมากครับ ไม่ใช่แค่ลงทุนพังของนะครับ แต่เฮียเฉินและทีมงานลงทุนเจ็บตัว จนได้ออกมาเป็นผลงานที่ทั่วโลกยังกล่าวขวัญมาจนทุกวันนี้
ผมเพิ่งดูอีกรอบวันนี้ยังอยากยกนิ้วให้สัก 10 เลยครับ มันเร้าใจ สะใจ โดนใจ ฉับไวและตื่นเต้นมากจริงๆ
+ อย่างที่ 2 คือ ความฮา ที่มีแทรกลงมาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเรื่องฮากุ๊กกิ๊กระหว่างกูกู๋กับอาเมย์ หรือตอนกูกู๋พยายามหลอกเซรีน่าให้หลงกล ไหนจะมุขฮาที่แรกระหว่างคิวบู๊อีก หนังเรื่องนี้เลยดูลื่นไหล มันส์สะใจแต่ไม่เครียด
+ อย่างที่ 3 คือ ประเด็นสะท้อนสังคม ที่ถือว่าตรงและแรงไม่ใช่น้อย อย่างการที่ผู้ร้ายระดับบอสใหญ่ ที่สามารถหลุดจากคดีได้ง่ายๆ เพียงแค่หาหลักฐานมาเยอะๆ (จะจริงหรือปลอมไม่เกี่ยง) หรือหาช่องโหว่ของจุดหมายให้เจอ ดังนั้นต่อให้มันทำผิดจริง แต่กฏหมายก็จะเอาผิดมันไม่ได้
หรืออย่างตอนที่กูกู๋เหลืออด ด่ากราดไปที่หัวหน้าว่าเอาแต่ทำงานนั่งโต๊ะ แล้วก็สั่งลูกน้องให้ไปเสี่ยงตาย พอทำผิดก็โดนด่า พอสร้างผลงานได้ ก็เอาผลงานของลูกน้องนี่แหละไปสะสมแต้มเพื่อเลื่อนตำแหน่งให้ตนเอง ส่วนลูกน้องก็เสี่ยงตายอยู่ลำบากต่อไป ถือเป็นการระเบิดอารมณ์ด่าที่ได้ที่จริงๆ
ไหนจะตอนสุดท้ายที่กูกู๋เจอทนายหัวหมอมาขู่มารุม ฉากที่ว่านี้คนดูอย่างเรายังอารมณ์ขึ้นเลยครับ ไม่แปลกที่กูกู๋จะทำแบบที่ทำลงไปในหนัง… คนดูก็เชียร์ให้เอามันซักชุดเหมือนกันนั่นแหละ
วิ่งสู้ฟัดจึงเป็นหนังแอ็กชันรุ่นเก่าที่สร้างได้แบบลงตัวมากๆ ครับ มันเจ๋งทั้งดารา ทั้งคิวบู๊ ทั้งมุขตลก ทั้งความลื่นไหล และบทก็เขียนออกมาได้พอเหมาะ กระเทาะสังคมได้แสบไม่ใช่น้อยด้วย
ดาราในเรื่องนับว่าเหมาะมากครับ เฮียเฉินแกเล่นได้ทั้งตอนบู๊และตอนฮา ส่วนเจ๊จางมั่นอวี้นี่ก็เจอวิบากกรรมหลายอย่างจนเรียกเสียงฮาได้ในหลายวาระ นอกจากนี้ยังมีตุงเพียว ในบทตำรวจอาวุโสที่คอยช่วยกูกู๋อยู่เรื่อยๆ และยังมีชาร์ลี เฉา ดาราตัวฮาสวมแว่นที่เล่นหนังเรื่องไหนก็กวนเรื่องนั้น รายนี้ถือเป็นชูรสที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย
ผมนั้นโตมากับหนังบู๊เก่าๆ ยุค 80 – 90 ของเฮียเฉินครับ ไม่รู้ทำไมนะ แต่ผมกลับรู้สึกว่าหนังของเฮีย (หรือหนังสมัยนั้น) มัน “ลงทุน” มากกว่าสมัยนี้… ครับ ผมไม่ได้หมายถึงลงทุนเรื่องเงิน แต่หมายถึงการลงทุนด้วยชีวิตและเลือดเนื้อ การเล่นจริงเจ็บจริง ระเบิดข้าวของจริงๆ หรือออกหมัดซัดกันนัวจนเลือดออก จนบาดเจ็บกันจริงๆ ผมรู้สึกว่ามันดู “ลงทุน” มากกว่าหนังบู๊สมัยใหม่ที่เน้น CG กันมากกว่า
บางทีหนังทุนหลักสิบล้าน ก็มีของดีที่หนังระดับทุน $200 ล้านให้ไม่ได้เหมือนกัน
เรื่องนี้ครบเรื่องทั้งแอ็กชัน ความฮา การสืบสวนไล่ล่า และแทรกดราม่าลงไปนิดๆ พอหอมปากหอมคอ
สามดาวเต็มครับ
(8/10)