นี่ก็จัดเป็นซีรี่ส์เรื่องแรกๆ ที่ผมดูแบบตั้งใจ (ก่อนหน้านั้นจะเป็นแบบดูมั่งไม่ดูมั่งคับ) และเป็นซีรี่ส์ที่สนุกครบเครื่องมากอีกเรื่องนึง
Friends ก็เป็นเรื่องราวฮาๆ ของเพื่อน 6 คนครับ ประกอบไปด้วยโมนิก้า (Courteney Cox) สาวเจ้าระเบียบ, รอสส์ (David Schwimmer) พี่ชายนักโบราณคดีของโมนิก้า, ฟีบี้ บุฟเฟต์ (Lisa Kudrow) สาวเป๋อจอมร่าเริงผู้รักเสียงดนตรี … แม้เพลงที่เธอเล่นมันจะทะแม่งเหลือเกินก็ตาม, โจอี้ (Matt LeBlanc) กับ แชนด์เลอร์ (Matthew Perry) 2 หนุ่มที่พักอยู่ห้องตรงข้ามกับโมนิก้า พวกเขาทั้ง 5 ชอบมาสังสรรค์นั่งจับกลุ่มคุยกันตรงเก้าอี้โซฟาร้านกาแฟ Central Perk คุยมันทุกเรื่องอ้ะคับ ตั้งแต่เรื่องชีวิต การมีแฟน และอื่นๆ อีกมากมาย จนกระทั่งวันนึง ราเชล (Jennifer Aniston) หญิงสาวแสนสวยที่รอสส์แอบชอบตั้งแต่ ม.3 แล้วจู่ๆ เธอก็โผล่พรวดเข้ามากลางวงในชุดแต่งงาน และนั่นคือจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมดครับ
ผมเคยพล่ามและก็จะขอพล่ามอีกรอบครับ ผมจำไดครับ มันออก VDO ม้วนแรกเมื่อปลายปี 2541 ซึ่งก็ให้บังเอิญเหลือเกินที่ผมดู VDO เรื่อง Friends ม้วนแรกนั้นเป็นเรื่องสุดท้ายของปี 2541 ด้วย และผมก็ไม่คาดหวังเลยครับ ที่ดูก็เพราะเห็นเขาว่าฮิตกัน … ใช่ผมไม่นึกเลยว่ามันจะกลายเป็น Series ที่ผมติดตามแบบไม่ยอมพลาดมาจนบัดนี้
ตอนม้วน 1 นั้น ผมว่ามันยังเรื่อยๆ ครับ ม้วน 2 ก็สนุกขึ้น แต่พอมาม้วน 3 นี่ความมันส์เริ่มเพิ่มขึ้นตามลำดับ ตอนสุดท้ายของปีแรกนี่จบลงได้อย่างน่าติดตามสุดๆ แล้วมันก็ทำให้ผมติดตามเรื่อยมาฮะ เพราะมันไม่ได้มีแต่ความสนุก มันมีสาระดีๆ บทสนทนาฮาๆ และเรื่องมิตรภาพที่ทรงคุณค่าสุดๆ ดูแล้วสบายใจครับ แบบสามารถดูต่อยาวได้เรื่อยๆ และเราก็จะเห็นตัวละครทั้ง 6 เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เรื่อยๆด้วย
ปีแรกความสนุกจะมาอยู่ตรงเรื่องระหว่างรอสส์กับราเชลครับ คือ รอสส์เขาแอบชอบราเชลมาตั้งแต่ม. 3 อย่างที่บอก และจนถึงบัดนี้เขาก็ยังแอบชอบเธออยู่ และมันก็เลยอำนวยเรื่องฮาๆ ขึ้นมาเพียบไปหมด ส่วนเจ๊ฟีบี้เธอก็ทำเรื่องแปลกๆ เพี้ยนๆ ได้ทุกตอน โจอี้กับแชนด์เลอร์ก็มัวแต่วุ่นกับการจีบสาวหรือไม่ก็อะไรทำนองนั้น โมนิก้าก็เจ้าระเบียบมันตลอด
ทุกตอนมันจะอัดไปด้วยมุขตลกคำพูดครับ ไอ้พวกเล่นคำนี่บ่อยมาก ใครตามมุขเหล่านี้ทันขอบอกว่าฮาไม่มียั้งแน่นอน
อีกทั้งหนังเองยังสะท้อนรูปแบบชีวิตของหนุ่มสาวชาวเมืองของมะกันได้ดีมากครับ นั่นคือชีวิตวันๆ ดูเหมือนมันจะไร้แก่นสาร ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนัก ไม่ได้มีความก้าวหน้า แต่ถ้ามองอีกแง่ มันก็เหมือนกับพวกเขาพอใจกับสิ่งที่มีครับ แค่มีงานทำ แค่มีเพื่อนคุย ก็เกินพอแล้ว ไม่ต้องมานั่งคิดสร้างบ้านหลังโตๆ ไม่ต้องมานั่งคิดว่าตนเองจะได้เป็นใหญ่เป็นโตหรือไม่ ซึ่งผมเชื่อว่าชีวิตแบบนี้แหละที่หลายๆ คนก็ต้องการ ผมยังต้องการเลย
คิดดูสิครับ จะมีบ้านหลังโตไปทำไม จะเป็นใหญ่ไปทำไม ถ้าหาเพื่อนแท้แม้คนเดียวยังไม่ได้ ถามจริงครับเมื่อเราตายไปไอ้พวกบ้านหลังโตๆ มันจะมานั่งนึกถึงความหลังที่เรามีกับมันมั้ย หรือไอ้พวกรถเบนซ์คันงามมันจะมางานศพเราได้เองมั้ยล่ะครับ (ถ้าเป็นเฮอร์บี้ก็ว่าไปอย่าง)
ไม่รู้สิครับ นี่ผมดูซีรี่ส์นี้จะจบปี 10 แล้ว (จริงๆ ปี 10 มันออกมานานแล้วครับ แต่ผมยังไมไ่ด้ไปเอามาครอบครอง) ในจังหวะที่กำลังจบการศึกษาพอดี มันจึงให้อารมณ์พอสมควร ผมว่าการที่เรามีความหลังให้รำลึกนี่มันมีค่านะคับ เป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ ใครเอามายัดใส่หัวเราก็ไม่ได้ เราต้องเจอเอง สัมผัสเอง มันจึงจะเปล่งคุณค่าออกมาให้เจ้าของได้เชยชม
เรื่องของเฟรนด์ยังมีอีก 9 ปีครับ เอาไว้จะมาว่าต่อ สำหรับปีแรกนี้ สี่ห้าตอนแรกยังแค่ สองดาวครึ่งครับ แต่มาช่วงหลังๆ ยังไงก็ต้องสามดาวอัพอย่างแน่นอน
สามดาวครับ
(8/10)