การกลับมาเป็นคำรบ 2 ของหนังใหญ่ที่แตกหน่อมาจากซีรี่ส์ Tales from the Crypt หรือ เรื่องเล่าจากหลุมศพ

และแน่นอนครับ คนเฝ้าสุสาน (The Crypt Keeper ที่ให้เสียงโดย John Kassir เจ้าเก่า) ก็รับหน้าที่เล่านิทานสยองให้เราได้ฟังกันตามเคย

สำหรับเรื่องเล่าประจำตอนนี้ก็คือ Bordello of Blood

คราวนี้เป็นเรื่องของ เรฟ กัตต์แมน (Dennis Miller) นักสืบเอกชนที่ได้รับการว่าจ้างจากสาวสวย แคทเธอรีน เวอร์ด็อกซ์ (Erika Eleniak) ให้ช่วยตามหาน้องชายที่หายตัวไป (Corey Feldman) และจากร่องรอยก็นำเรฟไปที่สถานเริงรมย์ที่เต็มไปด้วยสาวๆ ครับ ทั้งสวยและเสน่ห์ล้วนกันทั้งนั้น โดยเจ้าของที่นั่นก็คือ ลิลิธ (Angie Everhart) ซึ่งเธอและสาวๆ ก็ให้บริการความสุขกับหนุ่มๆ ที่มาเที่ยวแบบเต็มที่

ส่วนค่าตอบแทนที่พวกเธอต้องการก็ไม่มีอะไรมาก… ก็แค่ดูดเลือดจนหมดตัวเท่านั้นเอง

ครับ หนังมาครบสูตรเดิมของ Tales from the Crypt นั่นคือ เซ็กซ์และความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างแรกนี่หนักหนามากครับ ฉากวับๆ แวมๆ และประเด็นในเรื่องก็วนอยู่กับเซ็กซ์จริงๆ เอาแค่ดาราสาวๆ ที่เลือกมาแสดงก็ชัดแล้วล่ะครับ ทั้ง Everhart และ Eleniak ที่ต่างก็เป็นขวัญใจหนุ่มๆ อเมริกัน ขึ้นปกหนังสือกันมาแล้วทั้งนั้น

ด้านความรุนแรงก็แรงเอาเรื่องครับ เลือดเปรอะเพียบ ฉากสยองจัดว่าโหด เรียกว่าแรงกว่าภาคก่อนในหลายด้าน แต่แม้จะแรงยังไง ผมกลับรู้สึกว่าความสนุกอะไรๆ มันน้อยกว่าตอนก่อนเยอะ

อย่างแรกเลยคือ หนังแรงจริง เลือดเลอะเทอะ นมเปรอะจอ แต่ถ้าว่ากันเรื่องเนื้อหาล่ะก็ แทบไม่มีอะไรเลยครับ แค่นักสืบที่ตามไปสืบพบรังลับของแวมไพร์สาว จากนั้นก็หาทางถล่มรัง จบ…

โดยส่วนตัวผมชอบภาคก่อนมากกว่าเยอะครับ มันลงตัว พอดี ฉากสยองก็พอเหมาะ อารมณ์ขันก็พอเหมาะ… บางครั้งอะไรที่มากไป เยอะไปก็อาจทำให้หนังไม่ลงตัวได้ง่ายๆ เหมือนกัน

อย่างที่สองคือ ลูกเล่นครับ ที่ภาคนี้มีน้อยจนแทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าพระเอกนางเอกน่ะไม่ตายหรอก แต่คนอื่นน่ะไม่น่ารอด ส่วนตัวร้ายอย่างลิลิธก็ดูไม่ค่อยมีอำนาจ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเท่าเจ้าปีศาจนักล่าเมื่อภาคที่แล้ว

อีหรอบนี้ความลุ้นเลยหาไม่เจอครับ ยิ่งตอนจบยังมาจบแบบพิมพ์นิยมของหนังสยองขวัญหรือหนังแวมไพร์อีก ยิ่งรู้สึกเลยครับว่าดูซีรี่ส์บางตอนยังสนุกกว่าตั้งเยอะ

ไม่แปลกใจครับที่หนังจะออกมาแล้วล่มหนัก จนทำให้แผนการณ์ที่จะสร้างหนังชุด Tales from the Crypt ฉบับหนังใหญ่แบบไตรภาค ก็เป็นอันต้องม้วนโปรเจคท์พับเก็บไป

และที่รู้สึกตะหงิดๆ เยอะหน่อยก็คือ กุญแจในตำนานจากภาคที่แล้วก็มามีบทบาทในภาคนี้ด้วยนะครับ แต่บทบาทมัน… มันทำให้เรื่องในภาคที่แล้วดูไร้สาระไปเลยล่ะครับ ประมาณว่าจะปกป้องกุญแจกันไปทำไม เพราะดูเหมือนว่ามันจะไม่มีได้อำนาจอะไรมากมายอย่างที่ตำนานกล่าวเอาไว้เลย

ใจจริงก็อยากรู้นะครับ ว่าถ้าหนังจะทำเป็นไตรภาคน่ะ มันจะไตรออกมาอีแบบไหน เพราะดูภาคแรกก็ไปทาง ภาคสองก็ไปทาง ถ้ามีภาคสามอีกไม่รู้มันจะแถไปเลนไหนอีก…

บางทีการเก็บความทรงจำดีๆ ไว้แค่ที่ซีรี่ส์ก็อาจจะดีกว่าน่ะครับ

ด้านดารา แม้สาวๆ จะสวย แต่คนที่เด่นกลับไม่ค่อยมีครับ รายที่น่าพอใจก็มีแค่ Chris Sarandon ที่มารับบทเป็นท่านสาธุคนไฮเทค เทศน์ออกทีวีเพื่อหาเงินและขายของน่ะครับ ขานี้ถือว่ามาเล่นแซวตัวเองเหมือนกัน จากที่เคยเล่นเป็นจอมแวมไพร์ใน Fright Night ก็มาเป็นนักบวชที่โดนแวมไพร์บงการชีวิตแทน

เห็นผมบ่นเยอะ ก็ว่าไปตามที่คิดน่ะครับ กระนั้นถ้าถามว่าดูได้ไหม ก็บอกได้เลยว่า คอหนังสยองแบบเอาขำ ไม่เอาจริงจังก็สามารถลองลิ้มได้ตามอัธยาศัย ขอแค่อย่าไปคาดหวังมากก็แล้วกัน ยิ่งแฟนซีรี่ส์ Tales from the Crypt ยิ่งต้องปรับมาตรฐานในใจให้เยอะหน่อยครับ เพราะหนังมันสนุกน้อยกว่าตอนสั้นๆ ในซีรี่ส์หลายๆ ตอนเสียอีก

… คิดไปคิดมา ถ้าหนังกลายเป็นตอนสั้นๆ แค่ 30 นาทีและเป็นหนังทีวี มันอาจโอเคกว่านี้ก็ได้

เรื่อยๆ แบบผ่านมาผ่านไป

เกือบสองดาวครับ

(5.5/10)