Adventure

The Twilight Saga: New Moon (2009) แวมไพร์ ทไวไลท์ 2 นิวมูน

1369552533

จริงๆ หนังเรื่องนี้แทบไม่จำเป็นต้องรีวิวเลยครับเพราะถ้าคนชอบก็จะชอบ ถ้าไม่ชอบก็จะเฉย และยิ่งไปกว่านั้นคนรีวิวก็ต้องยอมรับความเสี่ยงในระดับหนึ่งเป็นของแถมด้วย

เพราะถ้าบอกว่าชอบก็อาจได้รับคำถาม “ชอบเข้าไปได้ยังไง มีแต่หญิงคลั่งรักและหมู่ชายเปลือยท่อนบน หนังอะไรก็ไม่รู้” หรือถ้าบอกว่าไม่ชอบก็อาจโดนคนที่ชอบล้อมกรอบ “ไม่ชอบก็ไม่ต้องดูสิ ดูแล้วจะเอามาบ่นว่าให้หนังเสียๆ หายๆ ทำไม”

เอาเป็นว่าอ่านขำๆ เถอะครับ คิดว่าแชร์ๆ แบ่งๆ ความชอบ-ไม่ชอบก็แล้วกัน

ออกตัวก่อนครับว่าผมชอบหนังภาคแรกนะ ในฐานะหนังคนรักกับแวมไพร์ผมว่าหนังถ่ายทอดออกมาไม่เลว ภาพสวย และที่ชอบเป็นพิเศษคือ “แง่คิดว่าด้วยการควบคุมตนเอง” ไม่ว่าจะแวมไพร์อย่างเอ็ดเวิร์ดและครอบครัวคัลเลนที่สามารถเรียนรู้ที่จะคุมตนเองได้ หรือเรื่องความรักหนุ่มสาวที่แม้จะร้อนแรงแต่ก็ไม่ถึงกับขาดสติ ทำให้ผลที่ได้ในหนังภาคแรกถือว่าพอดี มีประเด็นน่าเรียนรู้และน่าขบคิด

ครั้นเรื่องดำเนินมาถึงภาค 2 หนังก็สานต่อความรักของเอ็ดเวิร์ด (Robert Pattinson) กับเบลล่า (Kristen Stewart) ที่ลงเอยด้วยการโบกมืออำลาของเอ็ดเวิร์ด ที่ตัดสินใจออกไปจากชีวิตของเบลล่าเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของเธอ ส่วนเบลล่าก็ปวดร้าวช้ำใจ แม้จะได้เจค็อบ (Taylor Lautner) หนุ่มบึ้กขยันเปลือยท่อนบนมาเป็นคนดามใจ แต่ยังไงเจค็อบก็ไม่ใช่เอ็ดเวิร์ดน่ะครับ อันนำมาสู่การเดินทางของเบลลล่าเพื่อไปตามเอ็ดเวิร์ดกลับคืนมาสู่เธออีกครั้ง

ภาคนี้มีประเด็นหลักคือการทดสอบว่ารักแท้จะแพ้ระยะทางไหม การที่เอ็ดเวิร์ดกับเบลล่าห่างกันจะทำให้ความรักจืดจางไหม และเบลล่าเป็นจะกลายสาวหลายใจหรือไม่ เพราะเธอยังมีหนุ่มๆ มารุมหลงรักโดยเฉพาะเจค็อบที่หล่อ ล่ำคล้ำบึ้ก ซิกซ์แพ็คแน่นปึ้กและขยันโชว์สินค้า แต่หลังจากผ่านเรื่องราวทั้งหมด มันก็พิสูจน์ได้ว่าเบลล่าก็ยังคงมั่นในรักครับ ถึงขนาดตามไปจิกหัว เอ้ย ไปพาเอ็ดเวิร์ดกลับมา

ว่ากันถึงพล็อตแล้วภาคนี้ไม่มีอะไรมากในเชิงเนื้อหาครับ แต่จะมีมากในเชิงอารมณ์ ดังนั้นการถ่ายทอดความอ้างว้าง รวดร้าว และเปล่าเปลี่ยวของเบลล่าจึงเป็นหัวใจหลักครับ และผลที่ได้ก็นับว่ายังไม่เข้าเป้านัก ส่วนมากเราจะเห็นภาพแต่ภาพเหล่านั้นไม่ค่อยได้อารมณ์ความรู้สึกสักเท่าไร บางฉากก็ได้ที่ครับ แต่ส่วนใหญ่ออกแนวธรรมดา อันนี้ก็ไม่แปลกใจนักเพราะคนกำกับคือ Chris Weitz ที่ทำ American Pie และ About a Boy ซึ่งเขามักจะทำหนังบอกเล่าในมุมของผู้ชายน่ะครับ แต่กับเรื่องนี้นี่ต้องการพลังหญิงสูงมาก จนแอบเสียดายที่ผู้สร้างไม่รอให้ Catherine Hardwicke มากำกับต่อ

ภาคนี้เลยมีวาระอืดชืดเยอะครับ แม้จะเห็นภาพ รู้ว่าเบลล่าเหงา แต่รัศมีเหงาไม่แผ่ซ่าน ไหนจะปมทางความรู้สึกว่าถ้าเบลล่าแก่ตัวไปเอ็ดเวิร์ดจะรู้สึกกับเธอเช่นเดิมหรือไม่ก็เหมือนเห็นภาพแต่ไม่ถึงใจ และยังไม่ค่อยสัมผัสถึงอารมณ์ “ขาดเธอไม่ได้ แต่ต้องอยู่แบบไม่มีเธอให้ได้” ของเบลล่า “อารมณ์เสียสละ จำใจจำจากแต่ก็จำต้องทำด้วยพลังแห่งรัก” ของ เอ็ดเวิร์ด

ไปๆ มาๆ ที่สัมผัสได้เยอะสุดก็คืออารมณ์ “ลืมพี่ซีดแล้วมาซบซิกซ์แพ็คของพี่เถิด น้องนาง” ของเจค็อบ

หนังจะมาดูสนุกหน่อยก็ตอนเบลล่าไปงานวันเกิดของตัวเองที่เกือบจะมีเรื่องบานปลายหลังกระดาษบาดและตอนท้ายที่เบลล่าลุยไปหาเอ็ดเวิร์ด ซึ่งส่วนหนึ่งก็ด้วยพลังดาราครับ

ฉากที่ผมว่าเข้าท่าๆ นั่นชวนให้รู้สึกดูดีด็ด้วยพลังดารา อย่าง Peter Facinelli ในบท ดร. คัลเลนที่แสดงความอบอุ่น ใจดีผ่านหน้าซีดๆ แบบแวมไพร์ ซึ่งผมชอบพี่ท่านมาตั้งแต่ภาคแรกแล้วล่ะครับ, Ashley Greene ในบท อลิซ คัลเลนที่ขโมยซีนได้ทุกครั้งที่โผล่มาบนจอ, Dakota Fanning ในบท เจน แม่สาวแวมไพร์ที่พูดน้อยชนิดนับประโยคได้ แต่มาพร้อมรังสีอำมหิตจนน่าสนใจ และ Michael Sheen ในบทเอโร จอมแวมไพร์แห่งโวลตูรี่ที่มาดให้มากๆ ครับ ลีลาท่าทางพี่แกดูน่าขนลุกและดูมีสง่าราศีดีจริงๆ ยอมรับเลยครับว่าหนังทั้งเรื่องผมไม่รู้สึกอะไรมาก แต่ช่วงไหนที่ Sheen, Greene และ Fanning ขึ้นจอล่ะจะสัมผัสได้ถึงพลังความน่าติดตามขึ้นมาทันที

และที่ผมรู้สึกสนใจเป็นพิเศษก็คือ Anna Kendrick ในบทเจสสิก้า เพื่อนของเบลล่าครับ แม้บทจะน้อยแต่รัศมีความน่ารักนี่ฉายแววดีจริงๆ 555 อันนี้ส่วนตัวครับ ส่วนตัว แล้วอีกรายก็คือ Billy Burke ในบทพ่อของเบลล่า ผมว่าพี่แกเป็นคุณพ่อที่น่ารักดีน่ะครับ แต่ภาคนี้บทจะน้อยหน่อย

โดยรวมๆ แล้ว New Moon เป็นตอนที่ต้องทำใจหรีออัดฟีลลิ่งด้วยตัวเองเยอะหน่อยครับ รสชาติค่อนข้างอ่อนสุดในบรรดาหนัง Twilight ส่วนหนึ่งก็เพราะแกนหนังว่าด้วยอารมณ์แต่ผู้กำกับรวมถึงดารานำยังส่งอารมณ์ไปไม่ถึงฝั่ง

อีกอย่างผมรู้สึกชอบสไตล์ภาพจากภาคแรกอยู่น่ะครับ ดูหม่นแต่ก็เจืออารมณ์ลึกลับแฟนตาซีชวนฝัน โดยเฉพาะซีนในป่าที่ทำได้สวยงาม จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าฉากเหล่านั้นหวนมาปรากฏในภาคนี้ แต่ถ่ายทอดด้วยอารมณ์ประมาณว่า “ป่าเดิม หมอกไอจาง ณ ที่แห่งนี้ คือที่แห่งเดิม แต่ไม่มีเอ็ดเวิร์ดอีกแล้ว…” มันจะให้อารมณ์ได้มากเพียงไหนหนา

ใกล้ๆ สองดาวครับ

Star12

(5.5/10)