Action

X-Men Origins: Wolverine (2009) X – เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน

capture25

และแล้วฤดูซัมเมอร์ก็เวียนมาบรรจบอีกครั้งนะครับ หนังใหญ่เตรียมกระหน่ำมาให้เราชมกัน โดยมีเรื่องนี้เป็นหัวแถวมาโกยเงินก่อนเพื่อน ถ้าดูจากแนวโน้มก็น่าจะรับทรัพย์ล่ะครับ กระแสดีจะตาย ส่วนตัวหนังเองนั้นแม้จะมีการปล่อยแผ่นผีออกมาจน พี่ Hugh Jackman ออกมาบ่นน้อยใจก็เถอะ แต่ยังไงคนที่ตั้งใจจะเดินเข้าโรงไปดูก็คงไม่พลาดล่ะนะครับ ซึ่งผมก็ค่อนข้างเชียร์เลยล่ะ เพราะหนังออกมาสนุก ครบรส มันส์คุ้มค่าตั๋วดี

ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขึ้นมาก็ชมเลยผม อิอิ แต่เรื่องจริงครับ ภาคแยกของ X-Men เรื่องนี้จัดว่าเยี่ยม จุดแรกที่ผมประทับใจเลยคือการเดินเรื่องครับ มันเดินแบบไปข้างหน้าต่อเนื่อง ไม่มีช่วงให้เบื่อเลยครับ มีอะไรดึงความสนใจผู้ชมได้ตลอด ไม่ว่าจะการโต้คารมของตัวละคร แอ็กชันมันส์ๆ การสร้างปมให้คนดูคิดตาม หรือไม่ก็การเฉลยปมที่คนดูเคยค้างคาใน X-Men ไตรภาคนั่น จึงบอกได้เลยครับว่าถ้าคุณชอบ X-Men ก็คงสนุกกับเรื่องนี้ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะถ้าชอบพี่วูล์ฟเวอรีน (Jackman) นะครับ ได้ดูแกนำเดี่ยวแบบสะใจกันไปเลย

ถ้าถามว่ามีช่วงผ่อนแบบเรื่อยๆ เบาๆ หรือไม่ คำตอบคือมีครับ อย่างฉากตรงโรงนานั่น เรื่อยๆ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่… เฮ่อ บอกไม่ได้ ไปดูเองดีที่สุดครับ บอกได้แค่ว่า ผมล่ะชอบฉากช่วงโรงนามากจริงๆ ครับ แฟนการ์ตูนก็น่าจะชอบเพราะมันเฉลยถึงที่มาของอะไรหลายๆ อย่างของพี่วูล์ฟน่ะครับ

ตอนแรกผมรู้สึกเป็นห่วงหนังนิดๆ เพราะผู้กำกับ Gavin Hood จะทำออกมาได้ดีแค่ไหน แม้เขามีจะมีผลงานดีๆ อย่าง Tsotsi ซึ่งได้ออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมเมื่อปี 2006 แล้วเขายังได้เข้าชิงกินรีทองคำที่บ้านเราตอน Bangkok International Film Festival ก็ตาม แต่พอได้ดูก็ยกนิ้วให้เลยครับ หนังอาจจะยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่ก็สนุกผ่านเกณฑ์ และที่สำคัญคือฉากที่โรงนาบ้านไร่นั่นแหละครับ ถือว่าโชว์ฝีมือผู้กำกับเลยก็ว่าได้ เพราะมันต้องผ่อนอารมณ์ให้เหมาะ แล้วเดินจังหวะให้ถูกถึงจะถึงใจ… และมันก็ถึงใจซะด้วยครับ

จุดชอบต่อมาคือการจัดสรรความเด่นให้แก่เหล่ามิวแตนท์บทสมทบ ซึ่งก็จัดแบ่งได้ไม่เลวครับ แม้จะไม่เยี่ยมเท่าตอน X2 แต่ก็เก่งแล้วครับ อย่างน้อยคนดูก็จำหน้าค่าตามิวแตนท์แต่ละตัวได้ จำพลังพิเศษก็ได้ ซึ่งในเรื่องนี่ก็พลังแต่ละคนก็น่าสนใจใช้ได้เลยครับ นี่ถ้ามีการทำตอนต่อไม่ว่าจะของ X-Men เอง หรือของ Wolverine คาดว่าพวกเขาต้องได้ไปร่วมสนุกกับเหล่ามิวแตนท์ตัวเอกแน่ๆ

แต่ที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือการปรากฏตัวของแกมบิท (Taylor Kitsch) ในที่สุดก็มาซะที มาอย่างเท่ห์ด้วย แค่ฉากอัดพลังไพ่กับควงกระบองก็อย่างเก๋าแล้ว แหม ถ้าได้ร่วมขบวนกับพวก X-Men ตอนตีกันแบบตะลุมบอนท่าจะมันส์ ส่วนแจ็คแมนนั้นลอยลำครับ เป็นพี่วูลฟ์มาตั้งกี่ตอนแล้วล่ะ เล่นคล่อง แต่ภาคนี้จะเพิ่มเรื่องการเล่นอารมณ์ความรู้สึกขึ้นมาหน่อย… ไม่รู้ใครเป็นเหมือนผมหรือเปล่านะครับ แต่สำหรับผม การได้เห็นชีวิตช่วงเริ่มต้นของพี่วูลฟ์นี้ ผมเดาว่าตอนกลับไปดู X-Men ภาคเก่าๆ อีกรอบ ผมน่าจะมีมุมมองต่อตัวพี่วูลฟ์เปลี่ยนไป เพราะของเดิมผมจะมองว่าพี่แกเท่ห์และเก๋า แต่ตอนนี้… ผมเริ่มสงสารเขาแล้วล่ะสิครับ

ที่ลืมไม่ได้อีกหนึ่งตัวก็คือ วิคเตอร์ ครี๊ด คู่อาฆาตของพี่วูลฟ์ ซึ่ง Liev Schreiber สวมวิญญาณมิวแตนท์สัญชาติดิบตนนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม แววตาท่าทางนี่น่ากลัวตลอด ตอนรบกับพี่วูลฟ์ก็ไม่ผิดหวังครับ ซัดกันนัวเนียแต่ไม่มั่ว และที่เด็ดอีกอย่างคือสัมพันธภาพระหว่างพี่วูลฟ์กับวิคเตอร์ที่มีมิติน่าติดตามกำลังดี

และที่ไม่ชมไม่ได้เพราะมันเข้าตาตลอด คือ โลเกชั่นครับ เลือกมาได้ดีจริงๆ ทิวเขาสวย ป่าไม้ขจี เตะตามาก ซึ่งตามเนื้อเรื่องเหตุไปเกิดแถบแคนาดา แต่ไปถ่ายกันจริงๆ ที่ออสเตรเลีย (บ้านเกิดของ Jackman) และนิวซีแลนด์เป็นส่วนใหญ่ กับงานด้านเอฟเฟกต์ก็อลังการเอาเรื่อง โดยเฉพาะฉากประจัญบานตอนสุดท้ายนั้น ยิ่งใหญ่มากๆ ส่วนวายร้ายตัวสุดท้ายที่พี่วูล์ฟต้องต่อกรก็เทพดีแท้ อัดกันจนเหนื่อยแทนเลยล่ะครับ

เอาล่ะครับ ใครยังไม่ได้ดูและรู้ตัวว่าชอบหนังซูเปอร์ฮีโร่ ชอบ X-Men แล้วก็พี่วูล์ฟน่ะครับ ไม่ต้องรอแต่อย่างใด ดูได้เลยครับ สนุกสะใจไม่ผิดหวัง แม้จะไม่สุดยอดแต่ก็โอเคล่ะครับ ผมเองก็เชียร์ให้มีตอนต่ออยู่เหมือนกัน คงขึ้นกับรายได้เป็นหลักด้วย แต่ Hood ก็เตรียมการไว้แล้วล่ะครับว่าภาคต่อไปเรื่องจะไปเกิดที่ไหน (ถ้าคุณดูถึงฉากซ่อนท้ายเรื่องก็จะทราบเองครับ)

ก็เชียร์ให้ตีตั๋วดูครับ เพราะแม้หนังจะมีจุดพร่องบ้าง แต่ผมเชื่อนะที่ Jackman บอกว่าทีมงานตั้งใจทำกันมาก เพราะอย่างน้อยเขาก็สานต่อเรื่องของวูลฟ์เวอรีนแบบมีทิศทาง วางปมเชื่อมกับ X-Men ได้อย่างดี… อุตส่าห์ตั้งใจขนาดนี้อย่าทำลายกำลังใจคนทำซะล่ะนะครับ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)