Cast a Deadly Spell เรื่องนี้น่าสนใจใช่หยอกนะครับ ที่ผมตัดสินใจดูก็เพราะอ่านเรื่องย่อแล้วมันน่าสนใจนี่แหละ ไหนจะมีเรื่องเกี่ยวกับ H.P. Lovecraft อีก เลยควานหาดู (หนังสร้างโดย HBO ครับ)
เป็นเรื่องที่เกิดในปี 1948 ครับ ซึ่งโลกในหนังเรื่องนี้คือโลกที่อเมริกามีการใช้เวทย์มนต์กันจนเป็นเรื่องปกติ นึกออกไหมครับ แทนที่จะใช้วิทยาการอย่างเดียว ปรากฏว่ามีคนค้นคว้าจนทำให้มนุษย์ทุกคนใช้เวทย์มนต์ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะสาปคนให้ตาย ร่ายเวทย์ให้กระดาษกลายเป็นอาวุธฆ่าคน หรือไม่ก็ใช้คำสาปเรียกตัวประหลาดออกมาสังหารเป้าหมายก็ได้
ตัวเอกของเราคือ นักสืบแฮร์รี่ ฟิลลิป เลิฟคราฟท์ (Fred Ward) ซึ่งเป็นหนึ่งในมนุษย์ไม่กี่คนที่ไม่คิดจะเวทย์มนต์อย่างใครๆ และเขาก็ได้รับการจ้างวานจาก เอมอส แฮคชอว์ (David Warner) มหาเศรษฐีของเมืองให้ช่วยตามหาตำรามหาเวทย์ Necronomicon อันนำแฮร์รี่ไปสู่การผจญภัยในโลกแห่งเวทย์มนต์ ต้องผจญกับมาเฟียโหด (Clancy Brown), นักร้องสาวผู้ทรงเสน่ห์ (Julianne Moore) และปริศนาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
ฟังแล้วรู้สึกว่าหนังจะออกแนวเครียดใช่ไหมครับ… แต่เปล่าเลย หนังมันออกแนวสืบสวน นัวร์ๆ แต่ก็ผสมอารมณ์เบาๆ ลงไปด้วย หนังเลยดูได้แบบเพลินๆ ช่วงแรกๆ นั้นโอเคอย่างมากเลยครับ หนังค่อยๆ ดึงเราเข้าสู่อเมริกายุค 40 – 50 ที่ซึ่งเวทย์มนต์เป็นเรื่องปกติ ก่อนจะเริ่มเปิดปม เดินเรื่องแบบหนังสืบสวนสไตล์เก่าๆ แทรกมุกตลกมาเป็นพักๆ
ช่วงต้นผมชอบครับหนังสร้างบรรยากาศได้ดี แต่ละฉากที่แฮร์รี่เดินทางไปเราจะได้เห็นฉากหลังเป็นตัวละครใช้เวทย์มนต์อยู่เรื่อยๆ แล้ววันดีคืนดีฝนยังตกเป็นสีเลิือดอีก เรียกว่าหนังบิ้วความเป็นโลกเวทย์มนต์ได้เข้าท่า แล้วหนังยังดำเนินไปตามสูตรของหนังแนวสืบสวนฟิล์มนัวร์เก่าๆ ที่ตัวเอกของเราต้องเคยเป็นตำรวจมาก่อน แล้วก็ลาออกมาเป็นนักสืบเอกชน จากนั้นก็ต้องไปสืบคดีในไนท์คลับ ต้องได้พบกับผู้คนที่เขาเคยมีอดีตด้วย ไม่ว่าจะเพื่อนเก่าที่กลายเป็นคนชั่ว หรือคนรักเก่าที่เลิกร้างกันไป – ลงล็อคหนังแนวนี้จริงๆ ครับ
ตัวละครในเรื่องก็น่าสนใจครับ โดยเฉพาะทักเวลล์ (Raymond O’Connor) มือขวาเจ้าพ่อที่ใช้เวทย์สายโหดเล่นงานเป้าหมาย เป็นตัวละครที่ดูขลังและช่วยเพิ่มโทนโลกของเวทย์มนต์ลงไปในหนังได้อย่างดี และอีกคนก็โอลิเวีย แฮคชอว์ (Alexandra Powers) ลูกสาวคนสวยของเอมอส รายนี้ก็ฉายเสน่ห์ความน่ารักได้มากมายจริงๆ (เชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนต้องชอบน่ะครับ)
ครับ ช่วงต้นน่าสนใจ แต่พอเดินๆ เรื่องไปหนังก็ค่อยๆ แผ่วลง ยังไม่เร้าใจ ไม่ตื่นเต้นพอ แล้วที่ตอนต้นอุุตส่าห์ปูพื้นเกี่ยวกับว่ามนุษย์ใช้เวทย์มนต์จนเป็นปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์เท่าไรในช่วงหลัง ตอนแรกก็นึกว่าจะมีการร่ายเวทย์สู้หรือไม่ก็ใช้ทริคเกี่ยวกับคาถาในการแก้เกมกัน แต่ก็เปล่าครับ อันนี้ก็เสียดายหน่อยๆ ที่อุตส่าห์ปูพื้นอย่างดี แต่ครึ่งหลังไปจนถึงช่วงท้ายกลับดูเรื่อยๆ ไม่ได้เข้มข้นหรือน่าสนใจเท่าครึ่งแรก
โดยรวมๆ แล้วหนังมีดีที่ตอนแรกๆ กับเนื้อหาที่น่าสนใจครับ แต่การขมวดเรื่องในตอนท้ายยังไม่เด็ดพอ (แม้จะถือว่าดีในด้านเทคนิคพิเศษก็ตาม) และที่น่าเสียดายคือบางตัวละครบทจะไปก็ไปง่ายๆ ครับ แทนที่จะมาสร้างเรื่องลุ้นๆ หรือขับเคี่ยวกับพระเอก กลับกลายเป็นว่าพระเอกทำงานง่ายขึ้นเยอะไปเลย
และถ้าใครเป็นแฟนหนังหรือนิยายแนวสยอง น่าจะคุ้นเคยกับอะไรหลายๆ อย่างในหนังนะครับ อย่างชื่อพระเอกนั่นก็ขอยืมมาจากชื่อนักเขียนนิยายแนวสยองขวัญชื่อดังอย่าง H.P. Lovecraft หรือตำรา Necronomicon ก็เป็นการยำมิกซ์ของคนเขียนบท Joseph Dougherty นั่นเอง ยำเรื่องสไตล์ Lovecraft เข้ากับหนังสืบสวน เราจะได้ยินชื่อของอะไรต่อมิอะไรที่อ้างอิงจากงานของ Lovecraft เต็มไปหมด ถือเป็นไอเดียที่ดีครับ แต่เสียดายที่หนังยังไม่สนุกแบบเต็มที่
ผู้กำกับก็ได้แก่ Martin Campbell แห่ง GoldenEye, The Mask of Zorro แล้วก็ Casino Royale ก็คุมหนังได้ไม่เลวล่ะครับ เพียงแต่ยังไม่มีอะไรเด่นเท่านั้นเอง จริงๆ ถ้าหนังทำแบบสุดขั้วเต็มขั้นไปเลยก็น่าจะออกรสสนุกเต็มที่ล่ะครับ แต่นี่เหมือนยังกั๊กๆ น่ะ แต่ก็ยังดีครับที่ตัวเอกอย่าง Fred Ward แสดงได้ดีมากในบทแฮร์รี่ เขาดูเป็นนักสืบที่มีลูกเล่น หัวไว ฉลาด ตามเกมคนทัน และยังมีอารมณ์ขันอีกต่างหาก หนังน่าดูไปจนจบก็เพราะเขานี่แหละ
อีกอย่างที่ผมถือว่าทำได้ดีคือเพลงครับ เพลงประกอบ (ที่ร้องกันในคลับ) จัดว่าไพเราะมากครับ ใครรักแนวแจ๊สนี่ต้องฟังกันให้ได้เลยล่ะ จะมี 2 เพลงคือ Why Do I Lie? และ Satisfy โดย Curt Sobel (ซึ่งรับหน้าที่ทำดนตรีให้หนังเรื่องนี้ด้วย) และ Dennis Speigel ร่วมกันประพันธ์และเรียบเรียงครับ ส่วนผู้ขับร้องก็คือ Darlene Koldenhoven แล้ว Julianne Moore ก็มาลิปซิงค์ในหนังอีกที
และเพลง Why Do I Lie? ยังได้รับรางวัลเพลงยอดเยี่ยมจากเวที Primetime Emmy Awards ด้วยครับ
สรุปว่าถ้าอยากลองหน้งสืบสวนสไตล์ Chinatown แบบที่มีเวทย์มนต์มาเกี่ยวข้องก็ลองได้นะครับ ขออย่างเดียวว่าอย่าคาดหวังก็แล้วกัน แล้วคุณอาจจะโอเคกับหนังผสมสืบสวนลึกลับเรื่องนี้ได้
สองดาวกว่าครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy, Fantasy, Horror, Mystery