แม้นี่จะถือว่าเป็นภาคต่อของ The Blob ฉบับปี 1958 ที่ Steve McQueen เคยแสดงไว้ แต่ดูไปดูมาก็เหมือนจะเป็นการรีเมค The Blob ใหม่ไปในตัวด้วยน่ะครับ เพราะหนังมีฉากหนึ่งที่มีตัวละครดูนั่งดูทีวีเรื่อง The Blob ปี 1958 อยู่
เนื้อเรื่องก็เดินคล้าย The Blob ครับ เริ่มจากมีเจ้าก้อนหนืดๆ เหนอะๆ สีแดงๆ ไปเกาะแมว แล้วก็ไปเกาะเจ้าของแมว ก่อนจะกลืนคนไปเรื่อยๆ จนตัวขยายขนาดขึ้น แล้วพระเอกนางเอกก็ต้องหาทางเอาชนะ โดยร่วมมือกับกองทัพเพื่อสยบมัน
ตัวหนังออกแนวทุนต่ำมากๆ แล้วบางทีหนังก็เหมือนจะเป็นตลกร้าย เป็นหนังกึ่งแซวกึ่งล้อหนังเรื่องอื่นๆ เหมือนดู Attack of the Killer Tomatoes น่ะครับ แต่พอดูๆ ไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงแล้วการที่หนังมันออกมาทีเล่นทีจริงเนี่ย มันเพราะด้วยความตั้งใจที่จะให้โทนหนังดูเล่นๆ หรือจริงๆ แล้วหนังตั้งใจจะทำออกมาให้สยอง แต่คนทำมือไม่ถึงจนทำให้หนังออกมาดูตลกกันแน่
หลายฉากก็ชวนให้น่ากลัวได้นะ อย่างตอนเจ้าเหนอะนั่นกลืนคนทั้งตัวตอนดูทีวี หรือกลืนลูกค้าที่กำลังสระผมอยู่ในร้าน กระนั้นด้วยความที่ตัวหนังมันออกแนวทุนต่ำ แล้วดาราก็เล่นแข็งๆ เนื้อเรื่องเดิมๆ ตัดต่อแหม่งๆ เลยทำให้ผลที่ได้ออกมาห่างชั้นกับหนังต้นฉบับมากๆ
และไม่ต้องพูดถึงฉบับรีเมคปี 1988 นะครับ อันนั้นสนุกกว่าแบบเทียบกันไม่ได้
สำหรับโปรเจคท์หนังภาคนี้นั้น จริงๆ มีการวางแผนว่าจะทำมาตั้งแต่ตอนภาคแรก (ปี 1958) ประสบความสำเร็จแล้วล่ะครับ โดย Jack H. Harris ผู้อำนวยการสร้างภาคแรกตั้งใจจะเดินภาคต่อโดยให้ Richard Clair (ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในการเขียนบทมาก่อนเลย) ได้ร่างบทที่ชื่อว่า A Chip Off the Old Blob ขึ้นมา แต่บทหนังที่ว่าก็ถูกวางอยู่บนหิ้ง ไม่ได้ถูกหยิบมาทำเสียที
จนเวลาผ่านไปนานมากๆ มาถึงยุค 70 ตอนนั้น Anthony Harris ลูกชายของ Jack H. Harris เพิ่งเรียนจบครับ และเขาก็สนใจที่จะมาทำหนังเรื่องนี้ร่วมกับพ่อสักเรื่อง แล้วหนังที่พวกเขาเลือกจะทำด้วยกันก็คือ The Blob ภาคต่อนี่เอง
แล้วพอโปรเจคท์เริ่มเดินหน้า ก็พอดีที่ Larry Hagman ผู้กำกับที่เคยกำกับซีรี่ส์ I Dream of Jeannie อยู่ 3 ตอน พอดีมีบ้านชายหาดอยู่ใกล้กับ Jack H. Harris ครับ เขาก็เลยมาแนะนำตัว และออกตัวว่าเขาไม่เคยดู The Blob (1958) มาก่อนแล้ว Harris ก็เลยเอาหนังมาเปิดให้ดูครับ ทีนี้ Hagman ก็สนใจจะกำกับ จากนั้นก็เจรจาเอ่ยปากว่า เขามีเพื่อนๆ นักแสดงหลายคนเลยล่ะ ที่สนใจจะมาแสดงหนังเรื่องนี้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้เขากำกับเท่านั้น ซึ่ง Harris ก็ตอบตกลงไป
พอมาลองนั่งนึกดู ก็เป็นไปได้ครับว่า Hagman เคยทำแต่งานหนังเบาๆ ครั้นพอมาทำหนังสยองก็เลยติดรสมือแบบ “หนังเบา” ลงมา จนหนังดูเป็นทีเล่นทีจริงแบบที่เห็น
ดาวเดียวครับ
(4/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Horror, Monster Movies, Sci-Fi