โฮล์มส์แต่งงาน, หมอวัตสันเต้นรำในหมู่สาวๆ, หน่วยสืบราชการลับ, ควีนวิคตอเรีย และสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาปล็อกเนส! ทั้งหมดนี้ไม่น่าจะมายำรวมกันได้ใช่ไหมครับ
แต่มันเป็นไปแล้วกับหนังเรื่องนี้ครับ The Private Life of Sherlock Holmes ซึ่งอย่าคิดว่ามันเป็นการยำที่เลอะเทอะนะครับ เพราะตัวหนังน่ะสามารถรวมกันได้อร่อยและสนุกจนผมเองพูดได้เต็มปากเลยว่า ชอบกว่าที่คิดซะอีก
อย่างที่ท่าน อ. สายสุวรรณ ได้ชี้แจงไว้ในคำนำของนิยายเรื่อง เรื่องส่วนตัวของ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ว่าตัวนิยายนั้นเขียนขึ้นมาจากบทหนังเรื่องนี้แหละครับ ซึ่งคนคิดเรื่องก็คือ I. A. L. Diamond และ Billy Wilder ซึ่งรายหลังก็ควบหน้าที่กำกับด้วย
เนื้อหาต่างๆ ก็เป็นการต่อเติมขึ้นมาจากเรื่องดั้งเดิมของ Sir Arthur Conan Doyle ครับ ซึ่งเป็นการต่อเติมที่ไม่เลวเลย และยังเป็นการนำเสนอโฮล์มส์ในมุมใหม่ที่น่าสนใจด้วย
หลังจากเรารู้จักเขาในฐานะยอดนักสืบมานาน แต่ก็ไม่ค่อยได้เห็นเขามีโอกาสได้โรแมนติกกับใครสักเท่าไรใช่ไหมล่ะครับ ส่วนมากก็ใช้ตรรกะไขคดีไปเรื่อย แต่ครั้งนี้โฮล์มส์ (Robert Stephens) ของเราพบรักครับ กับสาวลึกลับนามว่า แกเบรียล วัลเลดอน (Genevieve Page) ที่เดินทางมาหาโฮล์มส์โดยเฉพาะเพื่อขอให้เขาช่วยเธอหาสามีที่หายตัวไป
แล้วการสืบก็นำเขาไปพบกับสารพัดเรื่องที่ผมเกริ่นไว้ข้างบนนั่นแหละครับ ทั้งพี่ชายของโฮล์มส์ (Christopher Lee) ที่เป็นหน่วยสืบราชการลับ แล้วก็ควีนวิคตอเรียแห่งอังกฤษ (Mollie Maureen) … อ้อ และที่ขาดไม่ได้ก็คือเนสซี่ สัตว์ประหลาดล็อกเนสด้วย! (มันมาได้ยังไงแนะนำให้ลองดูเองดีกว่าครับ)
จุดที่ผมชื่นชอบหนังสุดๆ อย่างแรกเลยคือ มันฮาครับ เป็นโฮล์มส์ภาคที่ฮามาก มีการจิกกัดทั้งโฮล์มส์และหมอวัตสัน (Colin Blakely) ชนิดที่แฟนโฮล์มส์น่าจะขำได้ทั้งเรื่อง โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกนี่หนังแซวแหลกครับ ตั้งแต่โฮล์มส์บ่นหมอวัตสันว่าพี่แกมั่วข้อมูลในเรื่องราวคดีที่แกตีพิมพ์ไปตั้งหลายอัน อย่างประโยคที่ผมฮามากๆ เช่น
โฮล์มส์พูดว่า “นายเขียนว่าฉันเสพยาความเข้มข้น 7% แต่จริงๆ มัน 5% ต่างหากล่ะ… นายน่ะลดความเข้มข้นของตัวยามาตั้งหลายปีแล้ว ฉันรู้น่า”
วัตสันเลยตอบว่า “ก็ถ้าฉันไม่ห่วงสุขภาพเพื่อนร่วมห้องล่ะจะทำทำไมล่ะ เฮ่อ”
เนี่ยครับ ตอนฟังนี่นึกในใจเลยว่าคนเขียนบทนี่เข้าใจจับประเด็นมาทำเป็นมุขจริงๆ แล้วยังมีอีกเยอะครับ อย่างประเด็นว่าสองคนนี้เป็นเกย์หรือเปล่า หรือโฮล์มส์แอบด่าหมอวัตสัน จนหมอวัตสันต้องโต้กลับประมาณว่า “อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่านายหลอกว่าฉันด้วยคำเข้าใจยากๆ มาตลอดตั้งหลายปีน่ะ”
ตอนผมดูนี่ดึกแล้วนะครับ กะดูแบบนิดหน่อยพอ ไว้ดูต่อตอนเช้า แต่พอเจอสารพัดมุขเข้าไปล่ะผมเป็นอันตาสว่างเลยครับ
จุดที่ชอบต่อมาคือความโรแมนติกของโฮล์มส์กับแกเบรียล ที่ดูไปก็เชื่อน่ะครับ ว่าเขารู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้มากเป็นพิเศษ จนอาจจะเรียกว่ารักเลยก็ได้… ฉากช่วงท้ายที่สองคนสื่อภาษาใจกันด้วยรหัสมอสนั่นทำออกมาได้เข้าท่ามากๆ เลยล่ะครับ ไม่มีคำพูดใดๆ แต่กินใจเอาเรื่อง
และสุดท้ายคือปมเกี่ยวกับสัตว์ร้ายล็อกเนสก็นับว่าโยงเรื่องได้เข้าท่าครับ การปรากฏตัวของพระนางวิคตอเรียก็ถือว่าเหมาะสมและเข้ากับประวัติศาสตร์ในยุคสมัยนั้นดีอีกด้วย
… ผมจะจำกัดความหนังเรื่องนี้ว่าไงดีน้า… สบายใจ… ใช่ คำนี้น่าจะเหมาะสุดล่ะครับ ดูแล้วสบายใจ เพราะได้ขำ ได้สนุกกับบทสนทนาคมๆ กัดโน่นกัดนี่ แต่ไม่ได้กัดอย่างหยาบคายนะครับ ออกแนวแซวแบบเคารพต่อบทประพันธ์ดั้งเดิมมากกว่า คอโฮล์มส์น่าจะชอบหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยากทีเดียว
ด้านการสืบคดีอาจไม่ซับซ้อน แต่ก็ถือว่าพอเหมาะ อาจเพราะหนังต้องการเน้นที่ชีวิตส่วนตัวของโฮล์มส์ อย่างความรักและความสัมพันธ์แบบแปลกๆ ระหว่างโฮล์มส์กับพี่ชายด้วย จึงไม่ค่อยเน้นเรื่องคดีเท่าไร
ก็อร่อยไปอีกแบบครับ
แนะนำให้ลองหามาดูกัน รับรองครับว่าไม่ผิดหวัง
สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ
(7.5/10)
หมวดหมู่:Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, หนังแนะนำ Recommended, Comedy, Mystery