นี่ก็เป็นภาคที่ 5 แล้วนะครับ สำหรับเรื่องราวแดร็กคูล่าฉบับ Hammer Films ที่สร้างชื่อเสียงให้ Christopher Lee จนดังกระฉ่อน เป็นดาราลายครามค้างฟ้ามาจนถึงปัจจุบัน
ภาคนี้เคยออกแผ่นในบ้านเราด้วยครับ โดย Catalyst เมื่อนานมาแล้ว ผมก็ได้ดูครั้งแรกตอนนั้นเองนั่นแหละครับ ก่อนจะมาดูซ้ำอีกรอบเมื่อไม่นานมานี้ ที่ดูซ้ำก็ไม่ใช่เพราะชื่นชอบมากมายอะไรหรอกครับ แต่เผอิญผมอยากเอามาดูเรียงทีละภาคให้ครบชุด เพื่อจะได้เอามาเขียนลงนี่แหละครับ
ครับ ภาคก่อนแดร็กคูล่าถูกกำจัดอีกรอบ แกก็ตายสนิทไปแล้วล่ะครับ จนกระทั่งมีชายปริศนาที่ชื่อลอร์ด คอร์ตลี่ย์ (Ralph Bates) เกิดสนใจอยากจะปลุกชีพท่านเคาน์ขึ้นมาอีกรอบ โดยหวังว่าจะได้แบ่งปันอำนาจพลังอมตะของจอมผีมาเป็นของตน ประจวบเหมาะกับเขาได้พบเจอกับมหาเศรษฐี 3 คนที่กำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตที่จำเจ และต้องการหาเรื่องแปลกใหม่ เลยสนทนากันจนถูกคอ และตกลงว่าจะลองทำพิธีปลุกแดร็กคูล่าให้คืนชีพ เผื่อว่าตนจะได้อำนาจดีๆ มาบ้าง และจะได้แก้เบื่อด้วย (ทำไมไม่แก้เบื่อโดยการไปทำบุญทำทานล่ะครับ โธ่ แก่แล้วแก่เลยนะนี่)
และระหว่างการดำเนินพิธี มีเพียงลอร์ด คอร์ตลี่ย์เท่านั้นที่อยากทำให้สำเร็จโดยไม่กริ่งเกรงอะไร แต่ 3 มหาเศรษฐีเกิดกลัวขึ้นมา เลยปลีกตัวหนีออกมาจากพิธี แต่คอร์ตลี่ย์ก็ไม่ยอมครับ จนในที่สุด 3 เศรษฐีก็รุมสหบาทาใส่คอร์ตลี่ย์ จนเสียชีวิต ก่อนจะแยกย้ายกันหนีไป…
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าคอร์ตลี่ย์ทำสำเร็จ… แดร็กคูล่าคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง และตั้งใจจะล้างแค้นให้คอร์ตลี่ย์ ซึ่งท่านเคาน์ถือว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อเขา… และแน่นอนครับ เป้าหมายการล้างแค้นก็คือ ครอบครัวของ 3 มหาเศรษฐีนั่นเอง… ตายแน่ พวกตาแก่เอ๋ย
… เนื้อเรื่องในภาคนี้ก็จัดว่ากลับมาน่าสนใจอีกรอบน่ะครับ หลังจากภาคก่อนๆ ท่านเคาน์แกเดินไล่ฆ่าคนแบบเปะปะไปนิด แต่มาคราวนี้แกมีเป้าหมาย เพื่อล้างแค้น เลยพอจะมีทิศทางให้ติดตามบ้าง ก็ลุ้นในหลายแง่ล่ะครับ แง่แรกก็คือท่านเคาน์จะทำอย่างไรบ้าง และแง่ที่สองคือ แล้วคนที่จะโดนฆ่าล่ะ จะหาทางรอดได้หรือไม่ (แต่ในใจก็เดาตอนจบได้อยู่แล้วล่ะครับ )
หนังเปลี่ยนผู้กำกับอีกครั้ง มาเป็น Peter Sasdy ผู้กำกับหนังทีวีแนวสยองขวัญมาเยอะ ซึ่งรสชาติก็เปลี่ยนจากภาคก่อน คือกลับมาออกแนวสยองแบบทะมึนอีกครั้ง ใกล้เคียงกับที่ Terence Fisher คนทำ Dracula 3 ตอนแรกของหนังชุดนี้เคยทำไว้ แล้วก็ใส่ดีกรีความน่ากลัวลงไปอีก ไม่ว่าจะเลือดและการเล่นกับฉากมืดๆ ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวล่ะครับ น่ากลัวดีเหมือนกันในหลายๆ ฉาก อย่างตอนที่ลอร์ด คอร์ตลี่ย์ทำพิธีก็สยองดี ต้องยอมรับเลยว่าภาคนี้มีกลิ่นอายคาวเลือดคละคลุ้งตลอดเรื่องจริงๆ
คงไม่ต้องบอกนะครับว่าใครเด่นสุดในเรื่อง… Lee แน่นอน ซึ่งว่ากันว่า ตอนแรก Lee จะไม่กลับมาเล่นนะครับ เพราะคุยไปคุยมาก็เหมือนว่า Lee จะไม่อยากกลับมาแสดงอีกแล้ว ทีมงานเลยหาทางออก โดยการเขียนบทให้บทลอร์ด คอร์ตลี่ย์มาแทนที่ท่านเคาน์แดร็กคูล่าน่ะครับ ประมาณว่าแกทำพิธีปลุกชีพ แล้วก็โดนหักหลังจนตาย เลยคืนชีพมาพร้อมอำนาจแห่งแวมไพร์ แล้วก็ออกล้างแค้น จากนั้นก็จะทำตอนต่อโดยให้ลอร์ด คอร์ตลี่ย์มาแทนท่านเคาน์ตลอดไป
แต่ทางผู้ใหญ่ฝ่ายจัดจำหน่ายใน Hammer Films เขาไม่ยอมน่ะสิครับ เนื่องจากสมัยก่อน ตอนทำ The Bride of Dracula อันเป็นภาคต่อตอนที่ 2 ของหนังชุดนี้ เป็นตอนเดียวที่ไม่มี Lee ไปเล่นเป็นท่านเคาน์ และรายได้ก็ไม่เข้าเป้าเท่าไร ทำให้ผู้ใหญ่ไม่ต้องการเสี่ยงให้เกิดเหตุการณ์นั้นอีก ก็เลยแทงเรื่องลงไปว่า ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องติดต่อให้ Lee กลับมาปรากฏตัวในบทแดร็กคูล่าให้ได้ ในที่สุดก็เลยต้องกระตุ้นด้วยการเจรจาภาษาธนบัตรลงไปนิดๆ จนดึง Lee ให้กลับมายอมเล่นอีกครั้งสำเร็จ
ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกครับ Lee กลับมาแล้วทำให้หนังน่าสนขึ้น ความทะมึนน่ากลัวของหนังก็พอเหมาะ ทำให้ภาคนี้เป็นอีกหนึ่งตอนของแดร็กคูล่าที่น่าติดตาม ตื่นเต้นในระดับที่น่าพอใจ
ครับ ก็นับว่าไม่ผิดหวังนะ สำหรับหนังภาคนี้ ดูเอาน่ากลัวก็ได้ ดูเอาความสวยของสาวๆ ก็ได้อีกเช่นกัน
ดูได้เลยครับ สำหรับคอหนังแดร็กคูล่าและแฟนๆ ของ Lee เชื่อว่าไม่น่าจะผิดหวังกัน
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)