รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

John Carpenter’s Village of the Damned (1995) มฤตยูเงียบกินเมือง

village1

มีเรื่องให้หุยฮากันไปพักหนึ่งตอนหนังออกฉายเมื่อราวๆ ปี 2539 ที่เนื้อเรื่องมันว่าด้วยเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง จู่ๆ ก็มีหญิงตั้งท้องพร้อมกันสิบคน ไม่นานเด็กก็คลอดออกมา หน้าตาละม้ายกัน ผมสีเงินเหมือนกัน ดวงตาก็ดูนิ่งไร้อารมณ์เหมือนกันอีก ซ้ำยังมีพลังจิตจนน่ากลัว สร้างความหวาดผวาให้ผู้ใหญ่ในเมืองอย่างยิ่ง จนกระทั่งเมื่อเรื่องถึงจุดแตกหักการปะทะกันก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

ที่ว่าหุยฮาคือจากพล็อตเชื่อว่าคอหนังน่าจะคุ้น ว่ามีหนังไทยในบ้านเราเรื่องหนึ่งมีเนื้อหาคล้ายๆ กัน นั่นคือ กาเหว่าที่บางเพลง ซึ่งก็เป็นการสร้างจากบทประพันธ์ของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อีกที ทีนี้พอหนังเรื่อง Village of the Damned เข้าฉายในปีถัดมา ก็มีคนออกมาบอกว่ากาเหว่าที่บางเพลงดังขนาดฝรั่งเอาไปทำเป็นหนัง ว่าเข้าไปนั่น

แต่หากย้อนไปจริงๆ แล้ว จะพบว่า Village of the Damned เคยสร้างเป็นหนังมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อยุค 60 สมัยที่หนังฮอลลีวู้ดทำขึ้นเพื่อต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ที่กำลังแพร่หลายไปทั่วโลก และหนังยุคนั้นก็สร้างจากนิยายของ John Wyndham เรื่อง The Midwich Cuckoos อีกทีหนึ่ง

กล่าวคือพล็อตแบบนี้เมืองมะกันเขามีมา 50 กว่าปีแล้ว!

ส่วนความละม้ายนั้นเป็นเพราะเหตุผลกลใดก็ไม่อยากเท้าความนะครับ เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจ ไม่ต้องพูดถึงดีกว่า มาว่ากันที่ตัวหนังเลย

เนื้อเรื่องก็อย่างที่เกริ่นครับ เหตุเกิดในเมืองมิดวิชที่มีหญิงตั้งท้องพร้อมกันสิบรายอย่างประหลาด จนผู้คนเกิดความกลัว แต่จู่ๆ ก็มีนักวิทยาศาสตร์จากทางการชื่อดร.ซูซาน เวอร์เนอร์ (Kirstie Alley) เข้ามาประกาศต่อชาวเมืองว่า จะยินดีมอบเงินให้กับครอบครัวที่เก็บเด็กในท้องเอาไว้ เพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูเดือนละ 3,000 เหรียญ ทำให้ทุกคนตัดสินใจเก็บเด็กไว้

ครั้นพอถึงวันคลอด เด็กทั้งสิบก็ออกมาลืมตาดูโลก แต่เสียชีวิตไปหนึ่ง ทำให้เหลือแค่ 9 คน ซึ่งแต่ละรายก็มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนเด็กทั่วไป แต่หลายส่วนก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว เช่น แววตา สีผม และการทำตัวผิดประหลาดจากชาวบ้านชาวช่องชอบจับกลุ่มสุงสิงกันอยู่แค่เก้าคนนั้นแหละ

พอเวลาผ่านไปเริ่องก็เริ่มเลวร้ายมากยิ่งขึ้น เกิดการตายอย่างประหลาดมากมาย ชาวเมืองต่างพุ่งประเด็นสงสัยไปยังเด็กกลุ่มนี้ทันที ซึ่งเด็กพวกนี้ก็ไม่ยอมคน เพราะมีทั้งพลังจิตทำลายล้าง ซ้ำยังสามารถอ่านใจคนได้อีก

เมื่อความตึงเครียดถึงขีดสุด จุดจบที่แสนสยองก็เริ่มต้น

เวอร์ชั่นแรกปี 60 นั้นผมก็ยังไม่ได้ดูนะครับ แต่ได้เท่าที่ทราบมาก็ได้คำชมกันไปมากโข สำหรับเวอร์ชั่นนี้ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรนักไม่ว่าจะคำชมหรือเงินทอง แต่ก็ใช่ว่าหนังจะไม่ดีนะครับ ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่อยู่ในมาตรฐานดูได้ของผู้กำกับ John Carpenter

ก่อนอื่นก็มาว่ากันถึงสไตล์ของลุง John ของผมเลยนะครับ ว่าฝีไม้ลายมือการทำหนังของแกนั้น แกเป็นคนที่มีไอเดียดีครับ แนวเรื่องเปิดประเด็นมามักสร้างความสนใจให้ผู้ชมได้เสมอ ไม่เชื่อลองดูงานเก่าๆ ของแกอย่าง Halloween, The Fog, The Thing อะไรเหล่านี้ เปิดประเด็นมาดีครับ แต่จุดที่แฟนๆ ต้องลุ้นต่อคือเนื้อในมันจะดีอย่างตอนที่เปิดหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่มันจะออกในแนวน่าสนใจ แต่ดูๆ ไปก็ไม่ใคร่จะเข้าท่าเหมือนตอนแรกตะวอย่างเช่นหนังอย่าง They Live ที่เปิดเรื่องได้ดี แต่ตอนหลังกลับไม่ใคร่จะเข้าท่านัก

ผมเลยมานั่งคิดว่าลุง John แกก็เป็นนักเล่าเรื่องคนหนึ่งนะ ที่เปิดเรื่องมาโอครับ แต่ภายในบางทีไปไหนก็ไม่รู้ เหมือนเวลาขี่จักรยานน่ะฮะ ออกสตาร์ทสวยเชียว แต่พอนั่งๆ ไปคันบังคับชักมีเฉไปมา

แต่สำหรับลุง John แม้จะเฉไปมา แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายจนดูต่อไม่ไหว ยังพอประคองเครื่องจนจอดที่ปลายทางได้อยู่ดี

okvhi0jlfsoliszcy7op

Village of the Damned เป็นแนวเขย่าขวัญแบบเรื่อยๆ ครับ ไมได้เน้นแหวะ เน้นโหด เลือดไม่สาด แต่เล่นกับความหวาดผวาเป็นหลัก หนังให้อารมณ์ไม่น่าไว้วางใจตั้งแต่เริ่มเลยครับ แม้การเล่า การเดินเรื่องจะเหมือนหนังชีวิตทั่วไป แต่ดูแล้วบอกกับตัวเองได้เลยว่าอีกไม่นานเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลต้องเกิดขึ้นแน่ๆ

หนังเลยเข้าข่ายลางเนื้อชอบลางยาอีกตามเคย ใครชอบหนังสยองสไตล์เก่าๆ แบบเดินเรื่องเรื่อยๆ เล่นกับอารมณ์ยองและหวาดผวากับคนดูก็คงพอสนุกไปกับหนังได้ แต่หากท่านชอบแนวลาบเลือด โหดๆ ล่ะเห็นทีคงผิดหวังแน่นอน เพราะเอาแค่เลือดยังแทบไม่มีให้เห็นด้วยซ้ำ

แต่สำหรับอารมณ์สยองที่ว่าก็ไม่ได้มากมายจนเครียดนะครับ มันแค่กดดันได้ในระดับหนึ่ง ยังไม่ถึงที่สุด ทั้งนี้และทั้งนั้นความดีและความผิดก็ต้องยกให้ลุง John เป็นหลักครับ ที่คุมหนังพอดูได้ แต่ไม่ได้เข้มข้นจนตลอดรอดฝั่ง

บอกแล้วไงครับว่าลุงแกมีปัญหาเรื่องการควบคุมทิศทางหน่อยๆ เนื้อในเลยอาจมีเป๋ไปบ้าง

หนังดูได้ครับ ไม่หวือหวาแต่ไม่เลว เข้าข่ายกั๊กๆ น่ะแหละ การที่หนังออกมาโอเคไม่ถึงกับต้องส่ายหน้าก็ต้องชมลุง John เหมือนกัน เพราะส่วนอื่นๆ ของหนังก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมจนน่าปรบมือ อย่างเหล่าดาราเป็นต้นนะครับ ที่รวมเอาดาราเก่าๆ ชื่อเริ่มเงียบหายไปกับสายลมมารับบทนำแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ Christopher Reeve อดีตซูเปอร์แมนผู้ล่วงลับ มารับบทดร.อลัน ชาฟฟี พระเอกของเรื่องที่ต้องหาทางรับมือกับเด็กประหลาดกลุ่มนี้, Linda Kozlowski อดีตนางเอกหนังดังอย่าง Crocodile Dundee เป็น จิลล์ แม็กโกเวน หญิงสาวต้องสูญเสียสามีไปตอนเกิดเหตุประหลาด แล้วก็ตั้งครรภ์เหมือนผู้หญิงอื่น แต่จุดที่แตกต่างคือ ลูกของเธอคนนี้กลายเป็นคนที่มีจิตสำนึกที่สุดในบรรดาเด็กประหลาดทั้งหมด, Michael Paré พระเอกที่เกือบจะดังในอดีต มาเรื่องนี้โผล่ไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ, Mark Hamill เจ้าของบทลุค สกายวอล์กเกอร์แห่งหนัง Star Wars มาเรื่องนี้รัศมีพระเอกหายเหี้ยน กลายปเนบาทหลวงหน้าโทรมที่มั่นใจว่าเด็กกลุ่มนี้มาพร้อมกับความเลวร้าย แต่ละรายที่ว่าไปนี่เล่นแบบนิ่งๆ ไม่ได้น่าจดจำเท่าไหร่ ไปๆ มาๆ คนที่เจ๋งที่สุดหลายเป็น Kirstie Alley กับบทดร.ซูซาน ที่กลายเป็นตัวละครที่มีหลายมิติที่สุดของเรื่องไป เพราะตามปกติบทแบบนี้มักเป็นตัวร้ายใช่ไหมครับ ประมาณว่าต้องรู้ความลับอะไรของเด็กกลุ่มนี้แน่ๆ แล้วก็ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง แต่ด้วยบทและฝีมือของ Alley ช่วยทำให้ซูซานเป็นคนที่ร้าย แต่ไม่ได้เลว เห็นแก่ตัวบ้างแต่ก็ทำไปอย่างมีเหตุมีผล และฉากที่เธอโดนเด็กรุมเล่นงานนั้น สามารถสร้างความสยองขวัญได้อย่างเด็ดขาดจริงๆ

ถ้าว่ากันถึงตัวหนังแล้ว ถือว่าเรื่อยๆ นะครับ ดูได้แบบไม่ผิดหวัง แต่จุดที่ผมชอบมากกว่าคือแง่คิด แง่มุมที่หนังแฝงไว้ ซึ่งคงเป็นการแฝงตั้งแต่สมัยนิยาย ประเด็นอันนี้ผมก็อยากหานิยายมาอ่านเหมือนกันครับ น่าจะสนุก รวมถึงหนังเวอร์ชั่นเก่าด้วย เพราะเวอร์ชั่นนี้มีประเด็นให้จับพอดู อย่างเด็กประหลาดทั้งหลายไร้อารมณ์ ไร้ความปรานี ไร้ความคิดสันติ คิดแต่ว่าตนเกิดมาเพื่อปกครองคนอื่น ถ้าจะบอกว่าอิงถึงคอมมิวนิสต์ก็ได้เหมือนกันครับ คิดแต่เรื่องเพื่อตนเอง เพื่อความก้าวหน้าจนลืมไปว่าคนอื่นก็มีชีวิตจิตใจ

มองในมุมหนึ่ง การมีชีวิตแบบเด็กพวกนี้ อ้างว้างไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว

ดูหนังลุง John ยุคหลังๆ นี่ทำใจยาก เพราะจุดโหว่ก็มี จุดดีก็พอมี ดูทีไรต้องเอามานั่งหักกลบลบดาวมันทุกทีไป

ส่วนเรื่องนี้สิ่งที่เป็นบวกสำหรับหนังคือ โครงเรื่องน่าสนใจ แง่มุมแง่คิดพอมีให้ ฉากบางฉากก็ทำออกมาได้น่าผวาดี แต่แง่ลบของหนังคือมันไม่ได้ดีตลอดรอดฝั่ง ช่วงที่ขาดพลังมีเยอะ โหว่ก็เยอะ พลังดาราไม่เด็ดขาดเท่าที่ควร เบ็ดเสร็จรวมออกมาเลยขาดบ้างเกินบ้าง แต่พอกล้อมแกล้มน่ะครับ ดูไม่ดูก็แล้วแต่ละนะฮะ

สองดาวครับ

Star21

(6/10)