เป็นหนังที่ผมดูไปกลัวไปเมื่อตอนเป็นเด็กครับ เพราะแม้มันจะเป็นหนังตลก แต่เนื้อเรื่องบางช่วงบางตอนก็ก่อให้เกิดภาพชวนขนลุกขึ้นมาได้เหมือนกัน
ตัวหนังออกแนวฮาแบบเสียดสีคุณผู้หญิงที่รักในความสวยความงาม (แบบเกินเหตุ) อยู่เหมื่อนกันครับ ตัวเอกคือ เมเดอลีน แอชตัน (Meryl Streep) และ เฮเลน ชาร์ป (Goldie Hawn) สองสาวที่แข่งกันสวยมาโดยตลอด ในเรื่องหัวใจพวกเธอก็ยังแข่งกันอีกเช่นกันครับ โดยมีชายหนุ่มหน้าตาดีอย่าง เออร์เนสต์ เมนวิลล์ (Bruce Willis) เป็นเป้าหมาย
เมื่อฝ่ายหนึ่งชนะใจเออร์เนสต์ได้ อีกฝ่ายก็จะสรรหาสารพัดวิธีมาอัพเกรดความสวยให้กับตนเอง เพื่อเรียกความสนใจให้เออร์เนสต์หันมาสนใจเธอ และเมื่ออีกฝ่ายถึงทางตัน (ประมาณว่าหมดทางอัพเกรดอึ้บหน้าตัวเอง เรียกว่าปกปิดรอยย่นไม่ไหวแล้ว) เลยตัดสินใจไปติดต่อ ลิเซิล วอน รูห์มาน (Isabella Rossellini) เจ้าแม่ความงามที่มีน้ำอมฤต น้ำพุแห่งความเยาว์วัยที่จะทำให้ทรวดทรงรูปโฉมของผู้ที่ดื่มนั้นกลับมาเต่งตึงนูนเว้า สมส่วนวัยสาวอีกครั้ง
ใช่ครับ หนึ่งในสองคนนี้ก็ไปใช้บริการ กลับมาก็เลยตึงเต่งจนเออร์เนสต์หันไปสนใจ อีกฝ่ายก็ทนไม่ได้ จึงไปใช้บริการคุณลิเซิลเหมือนกัน เข้าอีหรอบเสียทองเป็นล้านทีก็ไม่ยอมเสียสามีให้ใคร
แต่ที่พวกเธอไม่รู้ก็คือ ผลข้างเคียงของความเต่งตึงสวยเด้งนั่นน่ะครับ ว่าเจ้าน้ำยานั้นมีผลทำให้คนดื่มเป็นอมตะ… อมตะได้ตลอดไม่ว่าร่างกายจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม และนั่นเองคือที่มีของชื่อไทย และที่มาของฉากโชว์เทคนิคพิเศษที่ยุคนั้นก็ฮือฮากันไม่น้อย
ไฮไลท์จริงๆ ของหนังเรื่องนี้คือ Effect ครับ เทคนิคพิเศษทำได้ดีมาก ซึ่งผู้กำกับ Robert Zemeckis ไม่เป็นรองใครอยู่แล้วครับ ในสนาม Special Effect น่ะ เทคนิคทำได้ชวนตื่นตา โดยเฉพาะฉากเด็ดที่สองสาวตีกันปางตายจนอวัยวะอยู่ไม่ครบ แต่กระนั้นก็ยังหน้าด้านฟื้นมาตีกันต่อได้ ด้วยพลังแห่งความอมตะ ฉากที่ว่ายอมรับว่าน่าสนใจมากครับ
แต่ฉากที่ผมบอกว่ากลัวตอนเด็ก ก็คือฉากนี้นี่แหละ
มันน่ากลัวนะครับ เหมือนเราเห็นผีมาตีกันน่ะ คอบิดบ้าง ตัวเป็นรูบ้าง ตาน่ากลัวบ้าง ตอนดูสมัยเด็กนี่อึ้งไปเหมือนกัน แต่พอดูตอนโตแล้วก็ออกแนวฮาครับ และหันไปตื่นตากับเทคนิคพิเศษมากกว่า
สำหรับตัวหนังก็ถือว่าดูได้เพลินๆ ครับ ฮาแบบเรื่อยๆ นั่นคือ ไม่ได้ฮามากจนน่าจดจำ เนื้อเรื่องก็เดาๆ ได้ ความสนุกมันจะอยู่ตรงการแสดงบทตลกของ 3 ดารานำที่ถือว่าทำได้เนียนหายห่าง และสนุกว่าจะได้เห็นเทคนิคพิเศษแบบไหนในฉากใดบ้าง ซึ่งก็ได้อารมณ์ขันตลกร้ายแบบเพี้ยนๆ พอสมควรครับ อารมณ์คล้ายๆ ดูหนังของ Tim Burton แต่ดีกรีความกลมกล่อมจะไม่มากเท่าเท่านั้นเอง
ที่ผมชอบอย่างหนึ่งในหนังก็คือการจิกกัดความห่วงสวยห่วงโฉมของสองสาวนั่นแหละครับ ห่วงจนฮา และยังหลงผู้ชายแบบลืมเป็นลืมตาย
ลึกๆ แล้วเหมือนเป็นการสะท้อนความยึดติด 2 ชนิดใหญ่ๆ ของสาวๆ บางคน (และหนุ่มๆ บางคนด้วย) นะครับ อย่างแรก คือหลงในรูปโฉมความหล่อความงาม ความสวยความใส ซึ่งจริงๆ แล้ว การรักสวยรักหล่อก็เป็นสิ่งธรรมดาที่มีกันได้ครับ คนเราก็อยากให้ตัวเองดูดีหรือไม่ก็อยากได้คนรักที่ดูดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
แต่ทว่าการยึดติดสิ่งเหล่านี้จนถึงขั้นไม่สนใจสิ่งใด ประเภทว่าอยากสวยจนยอมทุ่มเงินทุ่มทรัพย์แบบถึงไหนถึงกัน หรือตัดสินคนรอบตัวเพียงแค่มองที่ความสวยและความหล่อเท่านั้น นั่นก็เป็นอะไรที่พึงระวังนะครับ เพราะการยึดติดมากเกินไปอาจนำความเสียหายมาสู่ชีวิตมากกว่าจะได้ความงามมาครอบครอง
ไม่ว่าจะการเสียเงินไปกับหลากผลิตภัณฑ์ที่คนอ้างกันว่าเพิ่มความสวยได้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว การออกกำลัง ดูแลสุขภาพ นอนไม่ดึก กินอาหารดีๆ และหมั่นคิดดีให้ความคิดที่สดใสขับดันความเปล่งปลั่งออกมาจากภายใน หรือการเลือกคบหาใครสักคนเพียงแค่เพราะเขาหล่อหรือเธอสวยเท่านั้น นั่นก็อาจทำให้เราพลาดคนจริงใจไปก็ได้
ความยึดติดอีกชนิดก็คือ ความยึดติดในรักจนถึงขั้นหลง ยอมทำทุกอย่างและเป็นศัตรูกับทุกผู้ทุกนาม เพื่อให้ตัวเองได้หัวใจคนที่หมายปองมาครอบครอง ซึ่งนั่นเป็นทางเลือกที่น่าเสียดายครับ เพราะจริงๆ แล้วหนึ่งชีวิตของคนเรามันมีแง่มุมหลากหลาย ม้นไม่ได้มีเพียงเรื่องความรัก มันยังมีเรื่องการค้นหาความหมาย เรื่องการทำงาน เรื่องสุขภาพ เรื่องธรรมชาติ หรือแม้แต่เรื่องความรักเองก็ยังมีแบ่งแยกออกไปอีกหลายประเภท ทั้งรักแบบเพื่อน รักพ่อแม่ รักพี่น้อง รักคนซื่อสัตย์ ฯลฯ มันไม่ได้มีแค่ “รักแบบหนุ่มสาว “(หรือหนุ่มหนุ่ม สาวสาวก็ตาม) เพียงเท่านั้น
ถ้ายึดติดมากไป สักวันเราอาจทำอะไรที่มันน่าขันอย่างที่สองสาวในเรื่องทำก็เป็นได้… และมันก็ไม่ได้นำมาซึ่งความสุขที่แท้จริงสักเท่าไรเลย
ครับ สาระชวนคิดเล็กๆ จากหนัง สำหรับตัวหนังนั้นก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ เพลินแบบพอประมาณ แต่ก็ไม่ถึงขนาด “ต้องดู” แต่อย่างใด ยกเว้นคุณจะชอบพวกงาน Effect และเทคนิคทั้งหลาย เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาพัฒนาการของ Special Effect ที่ไม่เลว
โดยส่วนตัวแล้ว นี่คือผลงานการกำกับของ Robert Zemeckis เรื่องที่ผมชอบน้อยที่สุด… แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นหนังไม่สนุกนะครับ
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy, Fantasy, Horror