Catch Me If You Can เป็นหนังที่กลมกล่อมจนน่ายกนิ้ว จริงๆ พล็อตมันดราม่ามากนะครับ รันทดเอาการเลย ชีวิตของแฟรงค์ อบาเนล (Leonardo DiCaprio) จัดว่าน่าเห็นใจครับ และสิ่งต่างๆ ที่เกิดก็ส่งผลให้เขาเลือกเส้นทางของนักตุ๋นในที่สุด
เราอาจใช้แว่นเลนส์คุณธรรมส่องดูเรื่องทั้งหมดแล้วบอกว่า “แฟรงค์เอ๋ย นายเลือกทางที่ดีกว่านี้ได้นี่หน่า” แต่ถ้าเอาเข้าจริง ถ้าเราเป็นแฟรงค์ ณ ตอนนั้น เราจะพูดประโยคที่ว่าได้เต็มปากแค่ไหน?
ผมชอบที่ Steven Spielberg คุมโทนหนังให้ออกมาพอเหมาะครับ ดูเพลินเอาบันเทิงก็ได้ หรือจะดูเอาดราม่าสาระก็ได้ เรื่องดารานั้นไม่ต้องพูดถึงครับ ระดับท็อปทั้งสิ้น DiCaprio ลื่นไหลไปกับบท, Tom Hanks เป็นทอม แฮนเรตตี้ได้ดูกระด้าง เย็นชา แต่ก็ไม่ไร้ซึ่งจิตใจ เรียกว่าเย็นชาตามหน้าที่เท่านั้น โดยลึกๆ แล้วก็ยังอยากเห็นแฟรงค์กลับไปสู่เส้นทางที่ถูกควรมากกว่าหมดอนาคต
แต่รายที่ขอคารวะต้องยกให้ Christopher Walken ครับ เป็นคุณพ่อที่น่ารักมากๆ ซีนไหนออกมาโปรดสังเกตแววตาให้ดีครับ เพราะป๋าแกสามารถใช้แววตากำหนดอารมณ์ของฉากนั้นๆ ได้ทุกรอบ ดาราระดับไหนถ้าเข้าซีนกับป๋าแกล่ะเป็นอันโดนคุมหมด
ทีมงานหนังเรื่องนี้ก็ท็อปไม่แพ้กัน John Williams คุมดนตรีได้อยู่หมัด โดยเฉพาะธีมตอนไตเติ้ลที่แปลกหู ผสมอารมณ์ขัน+ความลึกลับ+การตามล่าได้อย่างเจ๋ง, Janusz Kaminski กำกับโทนภาพออกมาในแนวหนังดราม่าสไตล์เก่า ทุกซีนดูสวย เล่นแสงได้ดี และที่ติดตาสุดๆ คือ “การเล่นกับสีเขียว” ไปดูได้เลยครับ ใบไม้ทุกใบ โคมไฟทุกดวง อะไรก็ตามที่เป็นสีเขียวมันจะโดดเด่นจับตามากๆ เหมือนจะยั่วล้อเฉดสีของเงินดอลลาร์อยู่ในที
Michael Kahn รับหน้าที่ตัดต่อ ก็คุมจังหวะได้สวยครับ ฉากไหนเนิ่บก็เนิ่บ (ตัดภาพเท่าที่จำเป็น เน้นให้คนดูซึม) ฉากไหนว่องก็ว่อง (ตัดฉับสลับไว) เรียกว่าแต่ละเจ้านี่คู่บุญ Spielberg มานานจนรู้ใจไปกันได้
+++++++++++++++++++++++++++++++++
สิ่งที่ปรากฏในหนังสะท้อนหลายอย่างในโลกครับ
+ การที่เด็กสักคนคิดว่าเงินคือทุกอย่าง จะความสุขก็ต้องมีเงินเท่านั้น ก็เพราะเขามองว่าครอบครัวที่รักถูกฉีกเป็นเสี่ยง ด้วยคำว่า “เงิน”
แฟรงค์เขายังเด็กครับ เขาคิดได้เท่าที่เห็น ก็โลกต้องการเงินนี่หน่า เขาจะไปเห็นทางออกอื่นใดได้ในเมื่อคนทั่วไปเป็นอย่างนั้น สังคมสอนเขาอย่างนั้น และโลกกระทำต่อเขาอย่างนั้น
จริงๆ เงินไม่มีความผิดหรอกครับ มันเป็นเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกที่มนุาย์ทำขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลาง เพื่อความสะดวก แต่คนเรานี่แหละที่เปลี่ยนมัน ให้เป็นได้ทั้ง “ดอกไม้” และ “มีดพร้า”
มันขึ้นกับว่า มนุษย์ด้วยกันจะยื่นเงินในรูปโฉมไหนให้เพื่อนร่วมโลก
การที่มนุษย์หมั่นยื่นเงินใน “รูปโฉม” ไหนให้แก่กัน สังคมกับโลกธุรกิจก็จะมีโฉมหน้าในโทนนั้น
+ แฟรงค์อาจเป็นเหยื่อของสังคมที่มีเงินเป็นใหญ่ แต่เหยื่อไม่ได้มีแค่แฟรงค์ครับ บรรดาเหยื่อๆ ของแฟรงค์ก็คือเหยื่ออีกต่อหนึ่งเหมือนกัน ทั้งหมดล้วนถูกแฟรงค์หลอกโดยใช้เงินเป็นอุปกรณ์ ใช้ช่องโหว่ของขั้นตอน หรือไม่ก็ใช้ความโลภล่อให้หลง
ทุกวันนี้โลกธุรกิจอาจสามารถป้องกันกลโกงแบบเก่าๆ ของแฟรงค์ได้ แต่ในความจริงแล้วมันก็มีกลโกงใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเสมอ
แน่นอนครับว่าเราก็ต้องรับมือกับกลโกงอย่างรู้เท่าทัน แต่ปัญหาที่หลายคนน่าจะเล็งเห็นคือ แม้กลโกงจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ “มีคนโกงยังไงก็ยังมีอยู่อย่างนั้น”
อันว่าคนโกงก็มี 2 แบบใหญ่ๆ คือ โกงโดยเจตนากับโกงโดยสังคมนำพา/บีบบังคับ ซึ่งโกงแบบแรกคงยากเยียวยา (เพราะเขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้) แต่คนประเภทหลังน่าจะยังพอลดปริมาณหรือแก้ไขได้
เหมือนบทสรุประหว่างแฟรงค์ อบาเนล กับทอม เฮนเรตตี้
+ เงินเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตในโลกครับ แต่ก็เหมือนที่ผมบอกตอนเขียนถึง Gattaca ว่าลักษณะทางพันธุกรรมไม่ใช่ทั้งหมด กับเงินก็เช่นกันครับ มันสำคัญ มันมีผล แต่ไม่ใช่ “ทั้งหมด”
+ “ทีมแยงกี้แข่งชนะ เพราะอีกฝ่ายมัวแต่จดจ้องเสื้อทีมไง” ชอบคำนี้ครับ มันสะท้อนมุมคิดของผู้พูดได้ดี
มุมหนึ่งเราก็ว่าเท่ห์นะ ที่พ่อของแฟรงค์คิดได้ แต่พอได้ยินคำตอบของทอมที่บอกว่า “มันเพราะทีมแยงกี้มีมิคกี้ แมนเทิลไง” (ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟรงค์ตอบพ่อเขาตั้งแต่ตอนแรก) มันก็สะท้อนอีกมุมออกมา
ในมุมของพ่อแฟรงค์แล้ว เขาเชื่อว่าการทำตนให้ดูดี มีภาพลักษณ์สวยงาม มียศฐาตำแหน่งจะทำให้เขาได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา (ซึ่งหนังได้สื่อให้เห็นว่า มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเลย)
แต่ในมุมของทอมแล้ว ทอมมองไปที่แก่นจริงๆ ของชัยชนะของทีมแยงกี้ เพราะเอาเข้าจริงถ้าทั้งทีมมีเสื้อ แต่ไร้คนเก่ง แล้วมันจะชนะได้ยังไง ที่ทีมแยงกี้มีชัยก็เพราะเขามีดีคู่ควรกับมัน
+ “หนู 2 ตัวตกไปในถังครีม ตัวแรกยอมแพ้จึงจมลงไป แต่ตัวที่สองไม่ยอม วิ่งปั่นจนครีมกลายเป็นเนย แล้วมันก็ปีนมันออกมา”
เป็นนิทานสั้นๆ ที่เร้าให้คนพยายามได้ดีครับ อันนี้ผมชอบนะ
ทีนี้ระหว่างดูรอบล่าสุดก็เกิดความคิดบางอย่าง… มันคงดีนะ ถ้าเราระวัง ไม่ให้ตกไปในถังตั้งแต่ต้น
+ ฉากแฟรงค์กลับมาหาแม่ในตอนท้ายสุด… พูดไม่ออกไปเลย เมื่อตอนดูรอบแรก
+ คนเรา แม้ก้าวผิดพลาดไป ก็เริ่มใหม่ได้เสมอนะครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ชอบแท้ โดนใจแท้ครับ สำหรับหนังเรื่องนี้ สำหรับหนังเรื่องนี้ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม โกยไป $352 ล้านจากทั่วโลก ในขณะที่ทุนสร้างนี่ประมาณ $52 ล้านครับ
สี่ดาวครับ
(9/10)