ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สนุกกว่าภาคแรก!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อจริงๆ ครับ ภาคแรกมันเป็นหนังแนวสยองอมตะนิยม ว่าด้วยเด็กวัยรุ่นไปลองของจัดงานปาร์ตี้ที่ “ฮัล เฮาส์” บ้านร้างกลางป่าช้าเก่า แล้วก็ตายกันไป ซึ่งก็เรื่อยๆ ครับ ดูได้แต่ไม่ติดใจ จบแล้วจบกันไม่คิดจะดูซ้ำ แต่หนังก็ดังพอประมาณจนต้องสร้างตอนสองต่อออกมา ผมก็คิดในใจว่าคงเดิมๆ ล่ะว้า … แต่ที่ไหนได้ สนุกแฮะ
และผมก็ไม่ได้คิดไปเองนะครับ ดูจากคำวิจารณ์ชาวบ้านก็บอกว่าภาคนี้สนุกกว่าตอนแรกเหมือนกัน (หรือไม่อย่างน้อยๆ ก็จะบอกว่าภาคนี้สนุกไม่แพ้ภาคแรกครับ อันนี้คงแล้วแต่ความชอบ)
เรื่องราวหลังจากภาคแรก 6 ปีครับ เมื่อทุกคนรู้ถึงตำนานสยองของบ้าน “ฮัล เฮาส์” ดี ว่ามีเด็กวัยรุ่นไปลองดีแล้วก็ตายกันเกือบหมด หลังจากคืนนั้นก็มีการเก็บศพกู้ซากวัยรุ่นที่ตาย ซึ่งตำรวจก็เก็บศพมาได้เกือบครบ ยกเว้น … แองเจล่า (Amelia Kinkade กลับมารับบทเดิม) ที่ศพหายไป ว่ากันว่าเธอเป็นรายแรกที่โดนปีศาจในบ้านสิง ทำให้ปีศาจเอาร่างเธอลงนรก เพื่อรอวันกลับมาก่อการโหดอีกครั้ง
เรื่องเล่ายังคงวนเวียนอยู่ในหมู่เด็กนักเรียนแถบนั้น และกลุ่มที่หนังยกมาให้เรารู้จักคือสามสาวนักเรียนโรงเรียนคริสต์แห่งหนึ่งครับ ได้แก่ บีบี้ (Cristi Harris), เทอรี่ (Christine Taylor) และเชอร์ลี่ย์ ฟินเนอร์ตี้ (Zoe Trilling) สามสาวที่เกิดนึกสนุกเล่าเรื่องนี้ขึ้น เหตุผลก็เพราะ เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งขอพวกงเธอคือเมลิสซ่า (Merle Kennedy) น้องสาวแท้ๆ ของแองเจล่านั่นเอง
ทีนี้พอคุยมาคุยไป เชอร์ลี่ย์เกิดนึกสนุก อยากลองของ เลยชวนเพื่อนและพวกรวมถึงล่อหลอกให้เมลิสซ่าเดินทางไปยังบ้านฮัล เฮาส์อีกครั้ง ก็นั่นแหละครับ ปีศาจตื่นขึ้นมาทันที แองเจล่านั่นแหละ ฟื้นมา แล้วก็หมายมั่นจะจับตัวน้องสาวของเธอไปทำพิธีบูชายัญเพื่อเพิ่มพลังตัวเอง ทีนี้คนที่ยังเหลือรอด ก็เลยรีบกลับไปบอกอาจารย์ซึ่งก็คือหลวงพ่อและแม่ชี ให้มาช่วยสยบมารร้าย ช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ก่อนมันจะสายเกินไป
เหตุผลง่ายๆ ที่ภาคนี้สนุก อย่างแรกคือ … สาวๆ สวยทุกคน อ้า นี่สำคัญมากครับ สวยจริงๆ Harris นี่น่ารักมากๆ ตามด้วย Taylor ที่ปัจจุบันเป็นภรรยาของ Ben Stiller ไงครับ เล่นหนังด้วยกันบ่อย อย่างใน Zoolander และ Dodgeball ไง รายนี้สวยอย่างแรง ตามด้วย Trilling ที่แม้จะไม่ดังมาก แต่เซ็กซี่สุดๆ
แต่หากผมจะให้คะแนนบวกด้วยเหตุผลแค่นี้คงจะไม่ถูกล่ะครับ ออกแนวหื่นเน้อะ มันยังมีเหตุผลอื่นอีกครับ เพราะภาคนี้เรื่องมันผสมหลายแนว ตอนแรกก็เล่าตำนานสไตล์หนังสยองทั่วไป แต่การเล่านี่เรียกน้ำย่อยได้ดีนะครับ ไม่ใช่เล่าไปงั้นๆ ช่วยอุ่นเครื่องและสานต่อเรื่องจากภาคแรกได้อย่างน่สสนใจ
ต่อมาคือการไปจัดงานเที่ยวบ้านฮัล เฮาส์ อันนี้อาจต้องทำใจนิดหนึ่งเพราะจริงๆ แล้วมันก็ไม่น่าไปหรอก แต่เอาเหอะ เพราะความสนุกไม่ได้อยู่ตรงนี้ มันอยู่ตรงเหตุการณ์หลังจากนี้ต่างหาก
ความมันส์มาอยู่ในช่วงท้ายครับ เมื่อบีบี้กับพวกไปบอกอาจารย์ ได้แก่ บาทหลวงบ็อบ (Rod McCary) และ ซิสเตอร์ กลอเรีบ (Jennifer Rhodes) สองรายนี้ก็รีบวางแผนปฏิบัติการช่วยลูกศิษย์ทันที โดยการเอาของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายออกมา เพื่อเอาไปรบกับผีร้าย ไม่ว่าจะกางเขน น้ำมนต์ (ที่บรรจุใส่ปืนฉีดน้ำกับลูกโป่งที่มีรูปไม้กางเขนประทับอยู่) แล้วซิสเตอร์กลอเรียยังมีไม้เมตรที่พกประจำตอนสวดมนต์ด้วย เอาไปเป็นอาวุธตีกับผีได้เลยครับ
นี่แหละจุดสนุก เมื่อพวกเขาออกโรงลุยปราบผี มีตายบ้าง และตอนตายนี่ก็ไม่ธรรมดานะครับ ตายแบบซึ้งๆ อย่างเช่นเห็นเพื่อนโดยผีจะฆ่าเลยรีบพุ่งเข้ามาช่วยโดยไม่คิดถึงชีวิตตน เลยโดนผีทำร้ายเข้า แม้จะไม่ได้ลึกซึ้งมากมาย แต่ผมว่าคนกำกับแกแทรกประเด็นมิตรภาพผองเพื่อนลงไปได้อย่างค่อนข้างเนียนเลยล่ะครับ
ซ้ำการปราบผีก็ต้องมาลุ้นอีก เพราะมันร้ายครับ และยังมีหลายร่างอีก กว่าจะสยบได้เล่นเอาลุ้นกันไปหลายรอบ
สารภาพครับว่าชอบดูหนังผีนะ ดูมาก็เยอะ แต่ไม่ได้เจอหนังสนุกปนสยองแบบนี้มานานพอตัว สไตล์เหมือนหนังจีนปราบผีแบบโรงเรียนกำจัดผีน่ะครับ แต่อันนี้ของฝรั่ง ดูไปก็สนุกไปอีกแบบ
ผมอาจจะรู้สึกดีกับหนังมากกว่าความจริงก็ได้ครับ เพราะไม่นึกว่าจะมาเจอของสนุกแบบนี้โดยไม่ทันตั้งตัว มันตลกสยองปนกันแล้วมีไล่ปราบผี ที่ชอบก็คงเพราะได้เห็นคนสู้กลับมั้งครับ ส่วนมากเจอแต่หนังที่ผีร้ายกาจมากๆ จนคนมีแต่ตายกับตายทำอะไรมันไม่ได้เลย แต่เรื่องนี้มีการต่อสู้ มีการประมือยืนหยัดสู้กับความชั่ว เลยอดจะรู้สึกดีๆ ไม่ได้
หนังกำกับโดย Brian Trenchard-Smith ขานี้ทำหนังเกรดบีแนวสยองบ่อยครับ แต่ชื่อเสียงก็ไม่ดังมาก แต่ผมจะคุ้นชื่อแกเพราะดูหนังแนวนี้บ่อย ผลงานนอกจากเรื่องนี้ก็มี Leprechaun 3, Leprechaun 4: In Space แล้วก็ Megiddo: The Omega Code 2
ถือเป็นงานที่ไม่เลวครับ สนุกสำหรับคอหนังแนวผีๆ ที่น่ากลัวและขบขันผสมกันไป และสาวๆ สวยมากครับ ถ้าคุณจะดูเพราะประเด็นนี้ล่ะก็ ผมรับรองเลยว่าคุ้ม หรือจะดูเอาสนุกแบบผีๆ ก็ไม่เลวครับ ถ้าชอบสไตล์นี้ เวลาที่เสียไปก็ถือว่าคุ้มนะครับ
ไม่เลว ใช้ได้
สองดาวบวกครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Fantasy, Horror