รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Never Been Kissed (1999) เนฟเวอร์ บีน คิซด์ จูบแรก… เมื่อไหร่จะมา

1385143110

หนังเบาสมองดูเอาเพลินอีกเรื่องของ Drew Barrymore ในยุคที่เธอกำลังขาขึ้น (หลังจากเล่นบทรับเชิญใน Scream ภาคแรก แล้วก็ต่อด้วย The Wedding Singer และ EverAfter ครับ) ช่วงนั้นงานเธอถือว่าชุกใช่เล่น ซึ่งเธอเองก็ไปได้ดีกับบทแบบนี้ด้วยน่ะครับ อย่างเรื่องนี้ก็ถือว่าบทเหมาะกับความสดใสสไตล์ Drew มากทีเดียว

ตัวเอกคือโจซี่ เกลเลอร์ (Drew Barrymore) นักข่าวสาววัย 25 ที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวหัวข้อชีวิตในโรงเรียนไฮสคูล ทีนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลแบบเด็ดๆ เธอก็ต้องปลอมเป็นนักเรียนเข้าไปปะปนกับเด็กอายุ 16 น่ะครับ ซึ่งประจวบเหมาะว่าสมัยเธอเรียนไฮสคูลนั้นเธอขี้เหร่มากๆ จนโดนล้อว่าเป็นโจซี่ขี้เหร่เป็นประจำ ครั้นพอได้โอกาสอีกครั้งเธอก็เลยขอทำตัวให้เริ่ด ฉลาด เก่งแบบเต็มที่ เรียกว่าสมัยก่อนเป็นดาวไม่ได้ก็ขอเป็นตอนนี้แล้วกัน แต่เรื่องก็เริ่มวุ่นเมื่อโจซี่เกิดแอบชอบคุณครูรูปหล่อนามว่า แซม โคลสัน (Michael Vartan)

เอ แล้วแบบนี้เธอจะบอกเขายังไงดี เพราะถ้าไม่บอกความจริงเขาก็คิดว่าเธอเป็นนักเรียน แล้วก็จะไม่อาจมีความรักต่อกันได้ แต่ถ้าบอกไปแผนการทำข่าวก็จบกัน ตำแหน่งอนาคตดีๆ ที่เธอหมายมั่นไว้ก็เป็นอันสูญหมดพอดี

หนังเรื่องนี้ถือว่าดูสนุกครับ แต่อาจต้องมองข้ามความสมจริงไปบ้าง ประเภทว่าคนอายุ 25 ปลอมเป็นเด็กไฮสคูลแล้วทุกคนก็เชื่อตามนั้น อันนี้ไม่ต้องคิดมากครับ ดูเอาสนุกอย่างเดียว ซึ่งหนังก็น่ารักดีครับ Barrymore ฉายเสน่ห์น่ารักๆ ได้ตามเคย แต่คนที่เด่นแบบขโมยซีนต้องยกให้ David Arquette ในบท ร็อบ น้องชายจอมกวนของโจซี่ที่จับพลัดจับผลูก็ต้องมาปลอมตัวด้วยเหมือนกัน

แต่คนที่ถือว่าขโมยซีน (หรือขโมยใจ) หนุ่มๆ ไปได้มากคงหนีไม่พ้น Leelee Sobieski ครับ กับบทนักเรียนฉลาด เรียบร้อย น่ารัก เชื่อว่าหนุ่มๆ ที่ได้ดูน่าจะรู้สึกชอบเธอกันหลายคน ขณะเดียวกันหนังก็มีดาราดังตอนนี้ แต่ยังไม่ดังตอนนั้นอย่าง Jessica Alba, James Franco และ Octavia Spencer ร่วมแสดงในบทสมทบด้วยครับ

เป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ต้องร่ายยาวครับ แค่ถามตัวเองว่าชอบหนังเบาสมองแนววัยรุ่น ผสมอารมณ์ขันและรักโรแมนติกนิดๆ หรือไม่ เพราะถ้าคำตอบคือชอบก็เลือกเรื่องนี้ไปดูได้เลยครับ แม้มันจะไม่ใช่อะไรที่สุดยอด แต่รับรองว่าดูแล้วอารมณ์ดี จบแบบมีความสุข Soundtrack ในหนังก็เอาใจวัยรุ่นกันไปครับ เพลงเพราะๆ ประจำยุคสมัยนั้นเพียบไปหมด

ส่วนสาระดีๆ ที่หนังแทรกไว้ผมก็ชอบนะ คือหนังพยายามบอกให้เราเป็นตัวของตัวเองเอาไว้ครับ ไม่ต้องไปตามอย่างใครเขามาก ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเด่นเหนือใคร ไม่ต้องพยายามเป็นดาวให้มากมาย แค่เป็นตัวเองให้มีความสุข ใครจะแซวว่าเราเห่ยก็ช่าง ตราบใดที่เรารู้ตัวว่ากำลังทำอะไร รู้ตัวว่าเรามีความสุขและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

ตามด้วยการเรียนรู้หมั่นศึกษาให้ดี (เพราะสาระจริงๆ ของการไปเรียนคือได้วิชา และรู้จักหาตัวตนให้พบเจอ ) อีกทั้งพัฒนาตนเองไปในทางที่เป็นประโยชน์ นี่ล่ะครับอะไรที่เราควรทำ ไม่ใช่ไปมัวแต่กัดกัน จิกกัน ทับถมกัน ถ้าทำแล้วเราสนุกคนเดียว คนอื่นเขาเสียใจล่ะก็ นั่นจะสมควรทำไหมผมว่าเรารู้แก่ใจครับ

ในแง่รายได้ถือว่าสวยงามครับ ลงทุน $25 ล้าน ได้คืนมา $84 ล้านจากทั่วโลก

ย้ำอีกครั้งนะครับ อยากดูหนังง่ายๆ จบแล้วสบายใจล่ะก็ เชิญดูเรื่องนี้ได้เลยครับ เพียงแต่อย่าคิดมาก อย่าคิดเยอะ อะไรต่อมิอะไรเขาทำออกมาให้ขำๆ ดูด้วยหัวใจสีชมพูเป็นสรณะ เรียกว่าดูสนุกกว่าหนังแนวเดียวกันหลายเรื่องครับ ความเพลินนี่น้องๆ กับ She’s All That เลยครับ

สองดาวกว่าๆ ใกล้ครึ่งครับ

Star21

(6.5/10)

Untitle03274