Action

Grindhouse: Death Proof (2007) โชเฟอร์บากพญายม

deathproof5

Quentin Tarantino เป็นผู้กำกับหนังแนวอีกคนของวงการจริงๆ ครับ ขยันหาอะไรแบบธรรมดาที่ไม่ธรรมดามาเสิร์ฟคนดูหนังอยู่ประจำ

นี่ก็เอาสไตล์แบบหนังควบทุนต่ำมานำเสนอครับ กับ Grindhouse ที่ต้นคิดดั้งเดิมเลยคือการเอาหนังควบมาฉายสองเรื่องซ้อน คือ Death Proof เรื่องนี้แล้วก็ Planet Terror ที่อเมริกาก็ฉายแบบควบครับ แต่ทีนี้ในตลาดต่างประเทศผู้สร้างก็กลัวคนดูจะไม่เก็ต อีกอย่างสองเรื่องควบรวมกันนี่เวลาร่วมๆ สามชั่วโมงทีเดียว เลยจัดการหั่นออกเป็นสองตอน ฉายเดี่ยวแยกเรื่อง อันนี้ก็ทำให้เราพลาดที่จะได้ชม Grindhouse แบบฉบับหนังควบขนานแท้ไปอย่างน่าเสียดาย

Death Proof จับเอาหนังฆาตกรโรคจิตแบบทุนต่ำสมัยก่อนมายำ เนื้อเรื่องง่ายมากครับ เปิดเรื่องมาก็แนะนำสาวๆ กลุ่มเบ่อเริ่ม ก่อนจะแนะนำอีกกลุ่ม กล่าวคือสาวๆ ละลานตาไปหมด มี Rosario Dawson, Vanessa Ferlito, Sydney Tamiia Poitier, Tracie Thoms, Rose McGowan แล้วยังมี Jordan Ladd อีก หน้าตาดีทั้งนั้นล่ะครับถ้าจะให้ว่าไปน่ะ พวกเธอก็ต้องมาเจอกับโชเฟอร์โรคจิตที่ท่าทางเท่ห์ เก๋า แต่บ้าแบบฆ่าคนได้สบายอย่างสตั้นท์แมน ไมค์ (Kurt Russell) ที่คอยตามล่าสาวๆ ตามท้องถนน จบจากเหยื่อชุดหนึ่งก็ขับบนถนนไปเรื่อยๆ เพื่อหาเหยื่อฆ่าอีกหนึ่งชุด …

โรคจิตดีไหมครับ

ถ้าว่ากันที่เนื้อเรื่องเพียวๆ ล่ะคงไม่เจออะไรใหม่เท่าไหร่ เนื่องจากมันเป็นสไตล์หนังโหดแนวฆ่าแบบหนังเกรดบีทุนต่ำประจำยุค 60 หรือ 70 โน่นเลย ซึ่งไม่เน้นอะไรครับนอกจากสาวๆ และการฆ่าโหดๆ เรียกว่าฉายเพื่อความสะใจเป็นหลัก เนื้อหาสาระเก็บไว้ให้หนังระดับค่ายเมเจอร์ทำออกมาแล้วกัน

เรียกว่าหนังฉายโรงควบสมัยก่อนเป็นทางเลือกเฉพาะกลุ่มก็คงไม่ผิด … และผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Tarantino แกถึงถูกใจหนังแนวนี้ ดูผลงานก่อนๆ ของแกสิครับได้กลิ่นอายหนังทุนน้อยมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งผมก็เข้าใจแกแหละครับ ขนาดผมเองยังอดชอบไมได้เลยเนี่ย

สไตล์หนังทุนต่ำแบบนี้ไม่มีอะไรมากก็จริง แต่ด้วยลีลาที่ทำออกมาแบบตามใจฉันมันเลยได้รสชาติไม่เหมือนใคร และเน้นความสะใจกันล้วนๆ อยากดูอะไรก็ทำออกมา อยากดูฉากฆ่ากันหรือสาวๆ เซ็กซี่ก็พากันเดินยัดจอเข้ามาเลย ไม่ต้องผูกเรื่องให้ดูดี ให้มันเสียเวลา

สะใจครับ บอกแล้ว เน้นสะใจ

Death-Proof

ในเรื่องนี้ Tarantino แกก็ทำหน้าที่ตามใจฉันได้ดีล่ะครับ แต่นั่นทำให้หนังออกมาแนวโดยปริยายครับ ดังนั้นถ้าอ่านที่ผมจะเล่าต่อไปนี้แล้วไม่ชอบ ไม่สบอารมณ์ก็ไม่จำเป็นต้องทัศนาต่อให้เสียเวลาครับ

ลีลาการเดินเรื่องของหนังนั้นแทบไม่มีอะไรเลย นอกจากเปิดตัวสาวๆ แล้วก็ให้สาวๆ นั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ไม่ต้องเน้นสาระอะไร ไม่มีอะไรเลยนอกจากดูสาวๆ มากมายคุยกัน อวดสัดส่วนกัน แล้วก็กล่าวคำสบถด่าทอชาวบ้านแบบคนปากตลาด วันดีคืนดีก็เต้นแล้วคุยเรื่องหนุ่มๆ จากนั้นก็เจอดีจากเจ้าตัวร้ายนั่น แค่นั้นครับ จบ

ถ้าวัดกันที่บทแล้ว พวก I Know What You Did Last Summer ยังพอมีอะไรมากกว่าเลยครับ อย่างน้อยมันก็ซับซ้อน มีอะไรเกินคาดบ้าง แต่นี่ เดาได้เรื่อยๆ ทั้งสิ้น

นั่นแปลว่าหนังไม่เข้าท่าใช่ไหม กับหนังเรื่องอื่นอาจใช่ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้

เพราะผมออกแนวชอบครับ

ถ้าถามว่าเพราะอะไรก็เนื่องจากผมมันชอบดูหนังหลายแนว และหนังสยองยุคเก่าแบบทุนต่ำแบบฉายตามไดร์ฟอินผมก็เคยดูมาแล้ว เข้าใจเลยครับว่าทำไมหนังถึงได้รับความนิยมโดยเฉพาะจากหนุ่มๆ ก็เพราะนะครับ สไตล์หนังแนวนี้ต้องมีสาวๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี เนื้อหาช่างมัน ขอให้มีสาวๆ และต้องมีฉากให้สาวๆ อวดสวย ทำอะไรก็ได้ครับ ขอให้ได้เห็นสาวๆ บนจอให้มากที่สุด ไม่ต้องมีเหตุผลก็ได้ แล้ววันดีคืนดีนึกจะแปลงเป็นแนวโหดก็ได้เลย บางทีหนุ่มสาวทำอะไรกันก็ถูกฆ่าคอจอก็มี หนังมันโหดและไร้เหตุผลมาก แต่ก็ได้ผลในการทำให้คนดูสนใจไปได้ตลอด เพราะไม่รู้จะเกิดอะไร หรือต่อให้ไม่เกิดอะไรก็มีสาวๆ และเซ็กซ์กับความรุนแรงแทรกมาตลอด

ไม่ใช่หนังที่เหมาะให้เด็กดูหรอกครับแนวเนี้ย บอกได้เลย

ดังนั้นเหตุที่ผมชอบนี่อาจจะเรียกว่าความชอบส่วนตัวแบบเต็มๆ คือมันบ้าและไร้สาระ แต่ที่ผมชอบก็เพราะ Tarantino เขาทำได้ครับ เขาสร้างบรรยากาศแบบหนังทุนต่ำเกรดบีได้ กลิ่นอาย ข้าวของ ดนตรีประกอบ มุมกล้อง และการแสดงของดารา ได้อารมณ์หมด บางคนอาจบอกว่า ไม่เห็นเป็นเรื่องยากเลย หนังสยองทุนต่ำสมัยเก่าดาราเล่นแบบยังงั้นๆ ไม่เห็นจะยาก แต่มันไม่เหมือนกันนะครับ เอาแค่การกัดสีภาพก็ต้องเล็งแล้วเล็งอีก ไหนจะบทพูดเรื่องสาวๆ ที่หลายคนพาลเบื่ออยากหลับ (ผมก็หนึ่งในนั้น) แต่บทพูดที่ว่าพวกนั้นให้อารมณ์ว่าสาวๆ เป็นพวกเถื่อนถ่อย เป็นสาวๆ ข้างถนนได้อย่างยอดเยี่ยม แล้วดูดาราแต่ละคนสิครับ สวยใส ผ่านแต่หนังวัยรุ่นมาทั้งนั้น แต่ดันมาเล่นเป็นสาวกร้านโลกได้ และเล่นได้เหมือนด้วย ไม่ใช่ของง่ายนะครับ

เหมือน Julia Roberts เล่นหวานๆ แล้วพลิกไปเล่นเป็นห้าวไม่กลัวใครแบบใน Erin Broccovich น่ะแหละ ไม่ใช่ของง่ายๆ เพราะพวกเธอเล่นแบบตัวเป็น ใจเป็น ภาษาพูดก็เป็น ถือว่าพลิกคาแร็คเตอร์น่ะครับ เก่งพอตัวนะ

แต่คนที่ได้ใจผมไปมากคือ Kurt Russell แหม พี่ สุดยอดมาก ดูโรคจิตสุดขีด แทบไม่ต้องบรรยายมาก หนังเข้าท่ามากก็เพราะพี่แกนี่แหละ

ส่วนฉากฆ่าก็โหดได้เรื่อง สะใจมาก หรือฉากไล่ล่าด้วยรถก็ดูเชย แต่เป็นการเชยแบบเจตนาครับ สนุกไปอีกแบบ และตอนจบก็จบได้ไร้สาระสุดขีด แหม หนังอะไรจะไร้สาระได้ขนาดนี้ฟะ

แต่เป็นการไร้สาระที่มีเสน่ห์จริงๆ

grindhousepic28

พูดยากนะครับ ผมชอบเรื่องนี้ไหม … ก็ชอบ เพราะเข้าใจในสไตล์ของมัน ซ้ำยังเอาสมองออกไปไม่คิดมากตอนดู เหมือนกับผมดูเรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อตัดสินว่าหนังดีหรือไม่ แต่ดูเพื่ออยากรู้ว่านาย Quentin แกจะเอาอะไรมาให้เราดู คำตอบคือ เอาหนังสไตล์เก่ามาให้เราดู คำถามต่อมาคือ แล้วมันทำได้อารมณ์เก่าตามเจตนาไหม ก็ตอบได้ว่าเก่า เหมือนย้อนไปดูหนังทุนต่ำยุคเก่าจริงๆ

นอกจากนี้หากจะบอกว่ามันหาสาระไม่เจอเลยก็ไม่เชิงหรอกนะครับ อย่างพฤติกรรมของเจ้าไมค์ที่ขับรถไล่บี้สาวๆ ก็อธิบายได้ในทางจิตวิทยาเหมือนกัน เนื่องจากพี่ Quentin แกทำหนังเรื่องนี้โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการแสดงท้าตายของเหล่าสตั้นท์แมน เช่นขับรถชนกำแพงด้วยความเร็ว 60 ไมล์ต่อชั่วโมงแล้วไม่ตายเงี้ย มันเป็นการแสดงที่ท้าตายและในสตั้นท์บางคนก็จะเกิดอาการเสพติดมันขึ้นมา อย่างที่เราเคยได้ยินพวกวิธีการแสดงออกอย่างซาดิสม์น่ะครับ เช่น พวกที่ชอบเอาถุงมาครอบหัวตัวเอง หรือไม่ก็รัดคอตัวเองให้ขาดอากาศระหว่างกำลังทำกิจกรรมอย่างเสพยาหรือการมีเพศสัมพันธ์กัน ซึ่งมันกลับเป็นความสุขอย่างหนึ่งของพวกเขา (คล้ายๆ กับพวกที่เสพกัญชาแล้วหลุดลอยน่ะแหละครับ)

ดังนั้นเหตุผลการฆ่าในหนังมันก็โอเคนะครับ เป็นการเสพติดเรื่องเกี่ยวกับความตายอย่างหนึ่งที่พี่ไมต์แกเป็น แกเลยไล่ฆ่าคนด้วยความสนุก ซ้ำยังขับรถชนประสานงากับพวกสาวๆ บางคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องฆ่าแบบเอาตัวเองไปเสี่ยงตายด้วยวะ คำตอบก็นี่ไงครับ คนมันเสพติดความตายไปแล้วน่ะ เป็นอาการที่มีจริงๆ ครับ

เอาล่ะ แวะมาว่าจะร่ายสั้นๆ ไหงมันยาวได้อีกล่ะเนี่ย สงสัยติดซะแล้วผม อ้า ก็นี่ล่ะครับหนังสยองแนวเฉพาะกลุ่ม ที่ถ้าเอามาตรฐานทั่วไปมาวัด คุณคงไม่ใคร่จะชอบหนังเรื่องนี้เพราะมันไม่ตลาดครับ มันทำเอาใจผู้กำกับโดยเฉพาะ เหมือนว่าข้าพเจ้าอยากให้หนังเกรดซีเกรดดีทุนต่ำมันกลับมาอีกครั้งอ้ะ ตัวข้าพเจ้าจะทำได้หรือไม่

คำตอบก็คือ ทำได้ครับ ทำได้ดีและเหมือนมากซะด้วย ได้อารมณ์และกลิ่นอายความดิบครบมากๆ

แต่หากท่านอยากดูหนังทั่วไป ก็ขอเตือนเลยครับว่าอาจไม่ชอบเรื่องนี้หรอก มันต้องดูแบบอย่าคิดมาก เอาความสะใจ เข้าใจว่าผู้กำกับแกทำหนังมาเพื่ออะไรแล้วดูไปเพื่ออย่างนั้นถึงจะโอเค

แต่ถ้าคุณเป็นคอหนังที่ชอบหนังแนวแปลกหรือรักสไตล์ไม่จำกัดตัวเองด้วยวิชาภาพยนตร์สูตรทั่วไป เรื่องนี้น่าลองลิ้มครับ แค่การแสดงของ Russell ก็คุ้มแล้ว ไหนจะสาวๆ อีก และตอนจบที่… มันบ้าจริงๆ แต่ผมขำอ้ะ จบแบบช่างกล้าเหลือเกิน

และส่วนที่ผมชอบที่สุดอยู่หลังตอนจบครับ ได้แก่เพลงใน End Credits และเทคนิคล้อเลียนหนังเก่าอีกหนึ่งกระบุง ท่านจะได้เห็นภาพแทรกระหว่าง End Credits แบบตรงกับจังหวะเพลง ซึ่งก็เป็นเทคนิคแอบโฆษณาอย่างหนึ่งของหนังสมัยเก่าครับ

อย่าสนใจกับจำนวนดาวของผมมากเลยครับ อันนี้ให้ด้วยความชอบส่วนตัวแท้ๆ ยึดคำพูดผมดีกว่า ถ้าไม่ชอบหนังแนวอย่าดู แต่ถ้าอยากลองหนังแปลก ดูซะ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)

cy2HNYstvZk0LhzfMoJZ16ZSRGy