รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Flightplan (2005) ไฟลท์แพลน เที่ยวบินระทึกท้านรก

maxresdefault

ไคลี่ แพรตต์ (Jodie Foster) กับลูกสาวได้เดินทางกลับบ้านด้วยเครื่องบินนะครับ จากเบอร์ลินไปอเมริกา ระหว่างทางไคลี่ก็พลอยหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกที ลูกสาวเธอกลับหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ถามใครๆ ก็บอกไม่มีใครเห็น พอตรวจดูบันทึกผู้โดยสารกลับไม่ปรากฎว่าเธอพาลูกขึ้นมาด้วย

แต่ไคลี่แน่ใจว่าเธอพาลูกขึ้นมาแน่ๆ เลยหาทางออกโรงสืบด้วยตัวเอง เพื่อหาคำตอบและช่วยเหลือลูกสุดที่รักกลับคืนมา

แว่บแรกที่ดูตัวอย่างนึกถึง The Forgotten ขึ้นมาในบัดดลครับ แต่อันนั้นมันดูก็พอรู้ว่าเป็นแนวไซไฟแน่ๆ แต่กับเรื่องนี้ก็ยังก้ำกึ่ง ว่าจะมีการเฉลยปมอีท่าไหน เป็นไซไฟไปเลยหรือจะเล่นกับเรื่องราวระทึกขวัญสไตล์ Hitchcock อย่างที่หนังโฆษณาไว้แต่ต้น

ผลภายในเป็นอย่างไรก็คงไม่สปอยล์นะครับ ไว้ไปดูกันเอาเองดีกว่า

ถ้าว่ากันถึงตัวหนัง เรื่องลงทุนสร้างฉากและฝีมือดารานี่ไม่มีปัญหา Foster นี่ระดับไหนแล้วล่ะครับ ยิ่งบทประเภทวิตกจริต ระเบิดอารมณ์นี่ต้องเธอเลยล่ะ ดังนั้นเรื่องการแสดงออกน่ะดีครับ ถึงขีด แต่ปัญหาคือตัวละครของเธอนี่มันออกแนวอาละวาดมากไปหน่อย สมองเหมือนไม่มากยังไงก็ไม่ทราบ หรือถ้าจะมองว่าเธอกำลังอยู่ในภาวะกดดันซ้ำยังมาห่วงลูกหายเลยก่อการระดับป่วนไปทั้งเครื่องบินก็พอทำเนาล่ะครับ แต่สำหรับผมมันออกจะแหม่งๆ อยู่ดี อย่างน้อยถ้าเธอสุขุมกว่านี้อีกนิด น่าสงสารกว่านี้อีกหน่อยอาจจะทำให้ความน่าติดตามเพิ่มขึ้นและเราอาจจะเอาใจช่วยเธอเพิ่มขึ้นก็ได้ แต่นี่บางทีก็หงุดหงิดเจ๊แกครับ ทำแต่ละอย่างนี่จะพากันตายทั้งเครื่องบินทั้งนั้น

แต่ก็อย่างที่บอกครับ คนกดดันอีกอย่างคือทุกคนยังมาบอกว่าไม่เห็นลูกเธอขึ้นมาบนเครื่องเลยนี่มันก็น่าอยู่หรอกที่เธอจะคลั่ง อันนี้มองได้หลายแบบดีเหมือนกัน

ส่วนดารารายอื่นๆ ก็สบายๆ ครับ Peter Sarsgaard ในบทเจ้าหน้าที่คาร์สัน ก็แสดงได้เฉียบทีเดียว พอๆ กับดาราหน้าเก่าแต่เก๋าฝีมืออย่าง Sean Bean ในบทกัปตันริช

ตอนดุหนังเรื่องนี้บางก็อดคิดถึงเหตุผลไม่ได้ มันเลยพาลจะไม่สนุกเต็มที่ ดังนั้นหากท่านอยากดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกนะครับ ต้องอย่าคิดมาก อย่าไปใส่ใจพฤติกรรมหัวรุนแรงของเจ๊แกเยอะนัก ให้พุ่งประเด็นไปที่การเอาใจช่วย คลายปมหาเด็กอย่างเดียว จะช่วยให้ท่านเพลิดเพลินไปกับหนังได้พอสมควร

ส่วนการเฉลยนั้น บอกตามตรงว่าออกจากเฉยๆ ครับ เดาได้ไหม … ก็ส่วนหนึ่งครับ เดาได้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่มันเป็นไปไม่ได้อ้ะครับ เป็นไปไม่ได้เลยที่ “คำเฉลย” นั้นจะอธิบายว่า คนทั้งเครื่องบินบอกไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร หรือหนังจะเสียดสีคนสมัยนี้ก็ไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ คือมันออกจะตลกไปหน่อยน่ะ อยู่บนเครื่องแคบๆ แท้ๆ … นั่นคือการมองมุมหนึ่งนะครับ

แต่ถ้ามองให้อีกมุมหนึ่งก็ไม่แน่เหมือนกัน

การตามแห่ไงครับ ประมาณว่ามนุษย์เราบางครั้งก็สามารถโดนโน้มน้าวในสิ่งที่ตนเองไม่แน่ใจได้ง่ายๆ เช่นใครบางคนบอกว่าไม่เห็นเด็ก ยืนยันอย่างหนักแน่น ที่นี้คนอื่นที่ไม่แน่ใจว่าเห็นหรือเปล่าก็อาจจะเริ่มคล้อยตาม คิดไปเองตามเขาว่าไม่เห็น สุดท้ายก็พลอยบอกว่าไม่เห็นๆๆ กันเป็นแถบๆ

มันง่ายเหลือเกินครับที่คนเราจะโดนชี้นำให้คิดไปตามทิศทางที่คนที่น้ำเสียงหนักแน่นกว่ายืนยันเอาไว้

เอาเป็นว่าหนังก็ไม่เลวครับ แต่ไม่ได้ยอดเยี่ยมเฉียบคมขนาดต้องเอามาดูซ้ำ ส่วนแฟนเจ๊ Jodie ก็ดูไปเถอะครับ บทคลั่งๆ แบบนี้เจ๊แกถนัดนัก

สองดาวครับ

Star21

(6/10)