รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

The Wicker Man (1973) คนดุแดนเถื่อน

1365842677

ตอนดูหนังเรื่องนี้รอบแรก ผมไม่รู้เลยครับว่านี่คือหนังอะไร รู้แค่ Christopher Lee แสดง และผมเจอมันในรูปแบบวีดีโอมือสองจากร้าน Blockbuster สนนราคาอยู่ที่ 19 บาท… ทำไมจะไม่ซื้อมาดูล่ะ ว่าไหมครับ

พอได้ดูแล้ว… โอ้ว หนังเรื่องนี้มันดีเกินราคา 19 บาทไปหลายร้อยเลยน่ะนั่น

เนื้อเรื่องว่าด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตงฉินและนับถือในพระเจ้ายิ่งชีวิต นามว่า โฮวี่ (Edward Woodward) ได้รับจดหมายทางไกลจากเกาะซัมเมอร์เซิล ในจดหมายได้ขอร้องให้โฮวี่ไปช่วงตามหาเด็กน้อย โรแวน มอร์ริสันที่หายตัวไปนานมาก ก็แน่นอนล่ะครับว่าด้วยความเป็นตำรวจแสนดีอย่างโฮวี่ เขาเลยยอมข้ามน้ำข้ามทะเลไปช่วยสืบหาเด็กน้อยคนนี้

ทว่าพอเขาไปถึงและดำเนินการสืบหา ชาวเกาะทุกคนกลับยืนกรานว่าไม่มีเด็กชื่อนี้อยู่ที่เกาะนี่อย่างแน่นอน

แต่แทนที่จะทำให้โฮวี่ถอดใจและกลับเข้าเมืองไป เขากลับมั่นใจว่าเกาะแห่งนี้ต้องมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ๆ และจากการพยายามตามล่าหาความจริง เขาก็ยิ่งพบร่องรอยของเด็กน้อยโรแวนมากขึ้นๆ… ตกลงมันเกิดอะไรกับหนูน้อยคนนี้กันแน่ และทำไมชาวเกาะทุกคนถึงปฏิเสธการมีตัวตนของเธอ

นอกจากนี้โฮวี่ยังพบว่าชาวเกาะทุกคนมีพฤติกรรมแปลกๆ ซึ่งเขาก็พยายามทำความเข้าใจเพราะคนบนเกาะนี้ให้ความนับถือในลัทธิเพเกน จึงไม่แปลกที่จะมีประเพณีบางอย่างที่เขาไม่คุ้นเคย… ว่าแต่ถึงที่สุดแล้ว เขาจะเจอโรแวนหรือไม่ และพฤติกรรมแปลกๆ บางอย่างที่ชาวเกาะทำนั้นมันสื่อความหมายอะไรที่เขาคาดไม่ถึงบ้าง… คำตอบอยู่ในหนังเลยครับ

ชอบมาก… ชอบจริงๆ ครับ นึกไม่ถึงว่าหนังจะเข้าท่าขนาดนี้ คือมันเป็นหนังลึกลับที่น่าติดตามมาก เริ่มจากทีมดาราที่แสดงกันได้ดีสุด Woodward ดูเหมาะมากกับบทนายตำรวจแสนดีที่มีความฉลาดเฉลียวและช่างสงสัย ส่วน Lee แม้จะมีบทน้อยแต่ก็ชวนให้จับตาทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว และคนที่ลืมไม่ได้คือ Britt Ekland ในบท วิลโลว์ ลูกสาวเจ้าของโรงแรมที่โฮวี่ไปพัก ซึ่งเธอทำให้บทวิลโลว์นี้มีความสวยและเซ็กซี่แบบสุดๆ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความลับบางสิ่งที่อดคิดไม่ได้ว่าภายใต้ความสวยของเธอนั้น มันซ่อนอะไรเอาไว้หรือเปล่า!

'The Wicker Man' film - 1973

หนังทิ้งปมได้น่าติดตาม การเดินเรื่องก็มีอะไรชวนให้เราสงสัยตลอด ซึ่งถือเป็นของเด็ดเลยครับ เพราะยิ่งหนังทำให้เราสงสัยโน่นนี่นั่นมันก็เพิ่มรสชาติความเข้มข้นไปในตัว และพอหนังเดินมาถึงบทสรุปก็อึ้งไม่ใช่น้อย เรียกว่าหนังสามารถเปลียนโทนจาก “ลึกลับ” ไปเป็น “สยองขวัญ” ได้ในเสี้ยวนาที

อันนี้ขอชมทีมงานทุกภาคส่วนเลยครับ ดาราดี ผู้กำกับ Robin Hardy ก็คุ้มหนังได้อยู่หมัด ซึ่งกระบวนการสร้างหนังเรื่องนี้มันก็เริ่มจาก Lee นี่แหละครับ ที่สมัยนั้นเขามักมีภาพลักษณ์เป็นมอนสเตอร์ตัวร้ายประจำหนังสยองคลาสสิคของค่าย Hammer Films

ทีนี้เมื่อถึงราวยุค 70 Lee ก็อยากจะฉีกภาพลักษณ์เหล่านั้น และอยากได้บทหนังสยองสักเรื่องที่คนดูจะจดจำตัวเขา สิ่งที่เขาเป็น และหน้าปกติของเขา ไม่ใช่จำได้แต่ตอนเมคอัพหนาๆ เพียงอย่างเดียว

แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้พบปะกับ Anthony Shaffer มือเขียนบทชาวอังกฤษเจ้าของผลงานอย่าง Frenzy ที่ Alfred Hitchcock กำกับและได้รับการยกย่องว่าเป็นงานคืนฟอร์มของราชาหนังเขย่าขวัญ ในโอกาสนั้น Lee เลยระบายสิ่งที่ตนเองคิดกับ Shaffer รายหลังเลยรับปากว่าจะหาบทหนังดีๆ มาให้ Lee ได้แสดงสมตามความตั้งใจ

แล้ว Shaffer ก็เอาเรื่องนี้ไปสนทนาต่อกับ Robin Hardy เพื่อนของเขา ซึ่งพอดีว่าก่อนหน้านั้นเขาก็นั่งล้อมวงสนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องต่างๆ ด้วยกันมานาน โดยเฉพาะเรื่องว่าด้วยตำนาน ความเชื่อ ลัทธิและเรื่องอาถรรพ์ต่างๆ ทำให้ทั้งสองเกิดไอเดีย และ Hardy ก็รับปากว่าจำนั่งแป้นกำกับให้ (โดยที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยกำกับหนังมาก่อนเลย แต่เพื่อนขอและคุยกันถูกคอเลยจัดให้)

ก่อนหน้านั้น Shaffer ได้มีโอกาสอ่านนิยาย Ritual ของ David Pinner ที่มีเนื้อหาว่าด้วยตำรวจตามสืบคดีจนต้องพัวพันกับลัทธิโบราณ ซึ่งจริงๆ Ritual นั้นคือบทหนังครับ Pinner เขียนให้ผู้กำกับ Michael Winner (Death Wish) ไปทำเป็นหนัง โดยมี John Hurt แสดงนำ แต่จู่ๆ Winner ก็หันไปทำโปรเจคท์อื่น Pinner เลยตัดสินใจเอาบทนั้นไปปรับให้เป็นนิยายแทน

พอ Shaffer ถูกใจก็เลยติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์มาในสนนราคา 15,000 ปอนด์ แล้วเขาก็ดัดแปลงมันเป็นบทภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ

MV5BMjE2NjY4NDcxMV5BMl5BanBnXkFtZTgwMjA5MDg3NTE@._V1_SY1000_CR0,0,1465,1000_AL_

โดยสรุปแล้ว นี่คือหนังลึกลับสืบตามปมที่น่าติดตามครับ บรรยากาศทั้งเรื่องมันยังได้อารมณ์แปลกๆ คือในเกาะซัมเมอร์เซิลนั้นจริงๆ บรรยากาศดีมากนะครับ บ้านสวยภายในแต่ละบ้านก็ดูอบอุ่น ต้นไม้ใบหญ้าสวยงาม เป็นเมืองที่มีสีสันและเปี่ยมความเรียบง่าย แต่ขณะเดียวกันมันก็มีความผิดเพี้ยนบางประการเกิดขึ้นไม่ว่าจะพฤติกรรมของผู้คน การแสดงออกที่เหมือนปกติแต่ผิดปกติ อย่างคนมารวมกลุ่มกันร้องเพลง จริงๆ มันก็ดูเป็นกิจกรรมในชุมชนดี แต่ทว่าทุกคนร้องไปตาลอยไป เหมือนร้องเฉพาะเสียงโดยไร้วิญญาณ… ภาพที่ออกมาเลยชวนผวาโดยปริยาย

ถ้าชอบหนังอย่าง Chinatown, Rosemary’s Baby หรือ The Ninth Gate ผมว่าเรื่องนี้จะต้องอยู่ในอ้อมอกอ้อมใจคุณแน่นอนครับ

อ้อ ใช่ หนังได้รับการรีเมคไปหนึ่งรอบนะครับ ที่พี่ Nicolas Cage แสดงนั่นแหละ แต่อันนั้นความสนุกน่าติดตามไม่เท่าฉบับนี้ครับ

เฉียดสามดาวครับ

Star22

(7.5/10)

79621_front