รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Mamma Mia! (2008) มัมมา มีอา!

timthumb.php

ถือเป็นหนังที่ผมประสงค์รีวิวสั้นๆ แบบเข้าเป้าเลยนะครับ ว่าถ้าคุณชอบหนังเพลง, ชอบหนังตลกผสมโรแมนติก, ชอบดาราอย่าง Meryl Streep, Pierce Brosnan และ Amanda Seyfried หรือชอบหนังที่มีบรรยากาศงามๆ ถ่ายภาพสวยๆ ของริมทะเลที่มีน้ำใสกระจ่าง

… ขอเพียงท่านชอบแค่ข้อหนึ่งข้อใดที่ผมกล่าวมา นั่นแสดงว่าคุณเหมาะแก่การดูหนังเรื่องนี้อย่างแรง

Mamma Mia! คือละครเวทีที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลต่อเนื่องกันมาหลายสิบปีแล้วครับ นับแต่การแสดงครั้งแรกในปี 1999 ภายใต้การประพันธ์ของ Catherine Johnson จวบจนปัจจุบันกล่าวกันว่าละครเวทีชุดนี้ทำเงินรวมกันได้กว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และด้วยความดังอันนี้ทำให้มีผู้สร้างสนใจดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ โดยเชิญ Johnson นี่แหละครับให้ดัดแปลงด้วยตนเอง ตามด้วยการมอบเก้าอี้กำกับให้ Phyllida Lloyd ผู้กำกับละครเวทีชื่อดังชาวอังกฤษที่เป็นคนกำกับการแสดงครั้งแรกให้กับ Mamma Mia! ฉบับละครเวทีด้วย

พล็อตว่าด้วยสาวน้อยโซฟี (Amanda Seyfried) ที่ใกล้จะเข้าพิธีวิวาห์กับแฟนหนุ่มเต็มที แต่ทีนี้ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยรู้เลยครับว่าพ่อคือใคร เพราะโตมาแต่กับแม่ที่ชื่อ ดอนน่า (Meryl Streep) วันหนึ่งเธอเลยวิสาสะเปิดบันทึกของคุณแม่เพื่อเสาะหาชื่อบุคคลที่น่าจะเป็นพ่อของเธอ และเธอก็ได้มา 3 ชื่อครับ ได้เแก่ บิล (Stellan Skarsgård), แซม (Pierce Brosnan) และ แฮร์รี่ (Colin Firth) จากนั้นเธอก็ส่งการ์ดไปเชิญมาหมดทั้ง 3 คนเลยครับ แล้วเรื่องสนุกๆ แสนวุ่นวายก็เริ่มจากตรงนั้นแหละ

เสน่ห์ชั้นยอดของหนัง (อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นเสน่ห์มาตั้งแต่สมัยละครเวทีแล้ว) คือการเอาบทเพลงของวง ABBA ที่ดังมากในยุค 70 มาใช้ประกอบ ซึ่งแต่ละเพลงก็เด็ดทั้งนั้นล่ะครับ ให้อารมณ์สนุกสนาน ครื้นเครง เนื้อหาดี สร้างความเพลินให้กับหนังได้ทั้งเรื่อง และสร้างอารมณ์ให้กับแต่ละฉากของหนังได้อย่างสุดยอด ไม่ว่าจะเพลง Dancing Queen, Honey, Honey, Mamma Mia, SOS ฯลฯ บอกได้ว่า อร่อยครับ อร่อยโคตะระจริงๆ

2008-mamma_mia-9

ตามด้วยทีมนักแสดงที่สุดยอดอีกเช่นกัน นอกจากที่ผมกล่าวไปแล้วก็ยังมี Christine Baranski และ Julie Walters ในบท 2 เพื่อนซี้ของดอนน่าที่มาปล่อยของในเรื่องนี้แบบไม่ยั้งทั้งความฮาและลีลาร้องเพลง Dancing Queen และ Dominic Cooper ในบทคู่หมั้นสุดหล่อของโซฟี รายนี้บทไม่มากแต่พอตอนเข้าพระเข้านางก็ถึงรสใช้ได้ครับ

บรรยากาศงามๆ ก็อย่างที่บอกครับ หนังลัดฟ้าไปถ่ายทำที่กรีซ ซึ่งสวยมากๆ ครับ น่าไปเที่ยวสุดๆ

หนังทำออกมาก็ประสบความสำเร็จไปแบบสาแก่ใจเลยครับ ลงทุนประมาณ $52 ล้าน แต่โกยกลับไปได้ $609 ล้านจากการฉายทั่วโลก (อเมริกาทำไป $144 ล้านครับ) เรียกว่าดังจนทีมงานหายเหนื่อยและตอกย้ำความสนุกของเรื่องราว Mamma Mia! ได้อย่างดี เพราะดังมันทุกเวทีและทุกจอเลย

หนังมันครบเครื่องความบันเทิงและความสุขเลยนะครับ ดาราดี ดนตรีและเพลงยอด ทิวทัศน์งดงาม เนื้อหาดูง่ายไม่ซับซ้อน และเน้นที่ความตลกกับความซึ้งเล็กๆ ไม่ขอสาธยายอะไรมากครับ เอาเป็นว่าใครยังไม่ได้ดู ดูได้เลยครับ เอาไปเปิดคู่กับ Hairspray ก็ได้ วันไหนที่คุณอยากแฮ้ปปี้ ครื้นเครง เติมสีสันและความสดชื่นให้กับชีวิต จัดหนังเหล่านี้ไปดูได้เลยครับ รับรองมีพลังเพิ่มขึ้นอีกหลายขีด

อย่าแปลกใจนะครับ หากระหว่างดูแล้วขาคุณเกิดขยับด้วยความอยากเต้น… เพราะผมน่ะเป็นมาแล้ว!

และขอบันทึกเพิ่มเติมหน่อยครับ ที่ผมเขียนในย่อหน้านี้เป็นส่วนที่ผมเพิ่มเข้ามาหลังจากดูอีกไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว แต่รอบนี้ที่ผมดูมันมีฉากที่อินเพิ่มเข้ามาครับ ต้องบอกก่อนว่ารอบแรกที่ผมดูนั้นผมยังไม่แต่งงาน ยังไม่มีลูกครับ แต่รอบล่าสุดที่ดูนี้ ผมมีลูกสาวตัวน้อยวัย 8 ขวบแล้ว เลยทำให้ฉากที่มาพร้อมเพลง Slipping Through My Fingers นั้นเป็นฉากที่ทำให้ผมน้ำตาไหลทีเดียว มัน Touch ความรู้สึกของคนที่มีลูกอย่างมากเลยครับ ฉากนี้ดอนน่าช่วยโซฟีแต่งตัวก่อนจะเข้าสู่พิธีวิวาห์ แล้วนาทีนั้นเองดอนน่าก็ตระหนักว่า ลูกเธอโตแล้วนะ ลูกตัวน้อยที่เธอดูแลมาหลายปีกำลังจะโบยบินจากอ้อมอกเธอไปแล้ว… เวลาช่างผ่านไปเร็วยิ่งนัก…

ท่อนที่อินมากหน่อยคงเป็นท่อนที่ว่า เราเคยวางแผนจะทำอะไรกับลูกตั้งหลายอย่าง แต่ได้ทำจริงๆ เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ท่อนนี้ Touch ความรู้สึกอย่างแรงจริงๆ ครับ มันเป็นเรื่องจริงนะ ผมเชื่อว่าพ่อแม่หลายคนวางแผนจะไปเที่ยวนั่น จะทำนี่ร่วมกับลูก แต่ไม่ว่าจะเพราะงานที่ต้องทำ เพราะภารกิจแทรกในรูปแบบต่างๆ ทำให้เราพลาดไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนสุดท้ายรู้ตัวอีกที เวลาก็ผ่านไปแล้ว ลูกโตแล้ว เขาอยากจะทำไปอย่างอื่นกับเพื่อนห้องของเขาแล้ว… ผมถือว่าเป็นฉากที่สะท้อนบางสิ่งให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ได้ตระหนักจริงๆ ครับ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)