U-571 ถือเป็นหนังว่าด้วยเรือดำน้ำที่ตื่นเต้น ลุ้นระทึก และมันส์สุดๆ เรื่องหนึ่งครับ
เรื่องเล่าถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อฝ่ายเยอรมันกำลังได้เปรียบ เนื่องจากพวกเขาสื่อสารกันโดยใช้เครื่องถอดรหัสอีนิกม่า อันเป็นรหัสที่ฝ่ายสัมพันธมิตรไม่สามารถถอดได้ เลยต้องเพลี้ยงพล้ำฝ่ายเยอรมันอยู่หลายครั้ง
ทหารอเมริกันกลุ่มหนึ่งจึงได้รับมอบหมายให้ลอบขึ้นเรืออู (เรือดำน้ำของเยอรมัน) เพื่อชิงเครื่องถอดรหัสมาอย่างลับๆ แต่ปฏิบัติการนี้ก็ไม่ง่ายเลยครับ ซึ่งผมจะไม่เล่าต่อล่ะนะครับ เอาเป็นว่าความมันส์ ความลุ้น และความกดดันรอท่านอยู่ครับ
หนังสนุกมากครับ ช่วงต้นก็เรื่อยๆ ตามสไตล์การแนะนำตัวละครที่อาจเนิ่บบ้าง แต่พอถึงช่วงปฏิบัติการเท่านั้นล่ะ ความระทึกมาแบบต่อเนื่อง ไม่มียั้ง เพราะเหล่าทหารอเมริกันที่นำโดยแอนดรูว์ ไทเลอร์ (Matthew McConaughey) ต้องเจอปัญหาให้แก้เพียบ และแต่ละปัญหาก็ถึงตายทั้งนั้น อันนี้ขอชม Jonathan Mostow เลยครับ พี่ท่านคุมหนังได้ดีจริงๆ (เขาควบทั้งเก้าอี้กำกับและเป็นคนเขียนบทเรื่องนี้ครับ)
++++++++++++++++++++++++++++
ในแง่ความมันส์หนังมาเต็มแบบไม่ผิดหวัง และที่ผมชอบมากขึ้นไปอีกคือหนังมีปมเรื่อง “ตำแหน่งกัปตันของแอนดรูว์” แทรกตลอดทั้งเรื่องครับ ประมาณว่าแอนดรูว์นั้นคาดหวังตั้งแต่ต้นเรื่องว่าเขาจะได้เป็นกัปตันเรือดำน้ำ แต่พอเอาเข้าจริงเขากลับไม่ได้ตำแหน่งนั้น โดย หัวหน้าของเขา (Bill Paxton) ชี้แจงว่าแอนดรูว์ยังไม่พร้อมจะรับตำแหน่งนี้
“กัปตันไม่ใช่แค่คนคุมเรือให้ไปซ้ายหรือขวา แต่เขาต้องกล้าตัดสินใจ บางครั้งต้องสละคนส่วนน้อยเพื่อรักษาคนส่วนใหญ่ และบางครั้งก็ต้องออกคำสั่งที่ส่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตาย… คุณพร้อมแล้วจริงๆ หรือ?”
แล้วแอนดรูว์ก็ได้ตระหนักถึงความหนักอึ้งของตำแหน่งที่ว่าระหว่างปฏิบัติการนั่นเองครับ ยอมรับเลยว่า McConaughey แสดงได้ดีมาก คือท่าทางตอนแรกที่เขาแสดงออกว่า “เขาเก่งพอสำหรับตำแหน่งแล้ว” มันแฝงความทะนงนิดๆ ในแววตา แต่พอถึงเวลาเจอของจริงกลางทะเล แววตามันบอกเลยครับว่าเขาเพิ่งประจักษ์ว่าเก้าอี้กัปตันมันใหญ่เกินกว่าที่เขาเคยคิดจริงๆ
หนังสอดแทรกประเด็นนี้ได้พอเหมาะครับ มันสอนให้เรารู้จักประมาณตน เพราะทุกคนมักมองว่าตัวเองเก่งเสมอ มองว่าเรามีศักยภาพเพียงพอกับทุกเรื่อง แต่เอาเข้าจริงแล้วจะเป็นแบบนั้นไหม ก็ต้องรอให้เราเจอของจริงถึงจะบอกได้ ซึ่งหลายคนพอเจอของจริงก็พูดไม่ออก (แบบแอนดรูว์) เหมือนกัน
แต่กระนั้นก็ไม่ได้แปลว่าเราจะเก่งในระดับนั้นไม่ได้นะครับ แน่นอนว่าตอนแรกเราอาจไม่เก่งพอ แต่หากเราหมั่นพัฒนา หาประสบการณ์ ขยันเรียนรู้ และทุ่มเททั้งกายใจแล้วล่ะก็ ถึงจุดหนึ่งเราก็จะคู่ควรกับตำแหน่งนั้นๆ ได้
แง่คิดนี้ไม่ได้หมายถึงกับหน้าที่การงานเท่านั้นนะครับ แต่ใช้ได้กับอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องชีวิตประจำวันหรือเรื่องความรัก
ยิ่งเราอยากได้สิ่งดีๆ มากเท่าไร เราก็ต้องขวนขวายทำให้เราดีพอสำหรับสิ่งนั้นๆ
++++++++++++++++++++++++++++++
โดยรวมตัวหนังทำออกมาสนุกจริงครับ เอฟเฟกต์ระเบิดนี่ได้ใจ การแก้เกมระหว่างทหารอเมริกันและเยอรมันนี่มีลุ้นได้เรื่อยๆ ชนิดที่ต้องบอกว่านี่เป็นหนังเรือดำน้ำที่เข้มข้นในเชิงแอ็กชันมากที่สุด ซึ่งออกจะต่างจาก The Hunt For Red October หรือ Crimson Tide สักหน่อย ที่เรื่องเหล่านั้นเน้นบท เน้นตัวละครมากกว่าจะเน้นแอ็กชัน ว่าง่ายๆ คือดีกันคนละแบบนั่นแหละครับ แต่ยังไงก็ถือว่าดีน่าดูพอๆ กัน
ในแง่รายได้ถือว่าหนังพอคุ้มทุนครับ ลงทุนราว $62 ล้าน ได้คืนมา $127 ล้านจากทั่วโลกครับ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Action, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, หนังแนะนำ Recommended, Thrillers, War