รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Stephen King’s The Langoliers (1995) ฝ่าวิกฤติมิติเวลา

xCjWMBUBF1b1Z8RaxHG6V6tTKPt

ลองว่ามี Stephen King’s จั่วหัวข้างหน้าก็มั่นใจได้ว่าหนังสร้างจากปลายปากกาของพี่ King แน่นอน

สำหรับคนที่ดูหนังจากงานของพี่ King มาเยอะ แล้วกลัวว่าหนังมันจะเข้าอีหรอบหนังอีกหลายๆ เรื่อง ที่เอานิยายสนุกๆ ของพี่ King มาขึ้นจอแบบไม่น่าดูสักเท่าไร ก็ขอให้สบายใจได้ครับ เพราะหนังเรื่องนี้ ถือว่าสนุกน่าติดตาม ผ่านเกณฑ์ดีใช้ได้

The Langoliers เล่าถึงผู้โดยสารเครื่องบินกลุ่มหนึ่ง ที่พอตื่นขึ้นมาก็เจอเรื่องประหลาด นั่นคือ นอกจากพวกเขาประมาณ 10 คนแล้ว ผู้โดยสารคนอื่นๆ บนเครื่องนับร้อยชีวิตหายไปอย่างไร้ร่องรอย… และที่หนักที่สุดคือ แม้แต่กัปตันประจำเครื่องบินก็หายไปด้วย…

แต่กระนั้น เครื่องบินก็ยังบินอยู่ครับ ทำให้ทุกคนต้องมาร่วมกันหาคำตอบ คลี่คลายปริศนาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผู้โดยสารคนอื่นๆ หายไปไหน และตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ที่ไหนกันแน่

เป็นไงครับ ฟังจากพล็อตก็ได้กลิ่นอายพี่ King เตะจมูกแบบเต็มๆ เลยใช่ไหมครับ ฮ่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่กลิ่นอายครับ แต่ลีลาการเดินเรื่อง การทิ้งปมก็นับว่าน่าสนใจไม่ใช่ย่อย ซึ่งความดีความชอบก็ต้องยกให้เจ้าของเรื่องอย่างพี่ King นี่แหละ ที่คิดเรื่องมาได้น่าติดตามแท้

คิดดูสิครับ จู่ๆ คุณตื่นขึ้นมา แล้วคนอื่นหายไปหมด ซ้ำตัวเองยังอยู่บนเครื่องบินที่ไร้คนขับด้วย หลอนเอาเรื่องเลยนะครับ เปิดเรื่องมาแค่นี้ก็ชวนให้อยากดูต่อแล้วล่ะ ว่าเรื่องมันจะไปทางไหน มันจะเฉลยตอนจบอย่างไร

ตัวหนังออกแนวระทึกขวัญครับ มีอะไรให้ตื่นเต้นและรู้สึกสงสัยตลอด ขณะเดียวกันก็มีความเป็นหนังไซไฟในส่วนของการหาคำตอบว่าเหตุการณ์ที่เกิดนี่มันมีสาเหตุมาจากอะไร โดยให้ตัวละครมานั่งถกทฤษฎีความเป็นไปได้ แลกเปลี่ยนแนวคิดกันอย่างน่าสนใจเลยล่ะครับ คนที่ชอบหนังแนววิทยาศาสตร์หรือชอบทฤษฎีเกี่ยวกับมิติและเวลาน่าจะสนุกกับหนังได้ไม่ยาก

ฮ่า และลองว่าพูดแบบนี้แล้วก็ต้องบอกก่อนเลยครับ ว่าหนังน่ะมันออกแนวระทึกผสมวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แอ็กชันตูมตามและไม่ใช่หนังสยองแบบเลือดสาดเน้อ มันจะออกแนว The Twilight Zone น่ะครับ ลึกลับๆ มีปมให้สาง แล้วก็ลุ้นนิดหน่อยพอประมาณ

อ้อ เห็นผมเรียกว่า “หนังเรื่องนี้” มาตั้งนาน เดี๋ยวจะงงว่ามันเคยเข้าโรงเมื่อไหร่ คืออย่างนี้ครับ จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันเป็นมินิซีรี่ส์ที่ทำฉายทางทีวีครับ เหมือนเรื่อง IT น่ะแหละ ทำเป็น 3 ตอนจบ ตอนละหนึ่งชั่วโมง เบ็ดเสร็จก็สามชั่งโมงพอดี

โดยรวม ตัวหนังถือว่าสนุก น่าติดตามไม่เลวเลยครับ แม้จะไม่ถึงกับสุดยอดหรือเยี่ยมเท่า The Shining หรือ IT และอาจจะมีช่วงอืดๆ บ้าง (เพราะมันเป็นมินิซีรี่ส์น่ะครับ เลยมีความเชื่องช้าบ้างเป็นของธรรมดา) แต่ก็ไม่มากจนเกินไป

ก็ถือเป็นหนังที่สร้างจากเรื่องของ King ได้น่าพอใจครับ ซึ่งคนที่กำกับและดัดแปลงบทก็คือ Tom Holland ที่เคยทำ Fright Night และ Child’s Play ไว้ได้ดีมากๆ มาแล้ว ส่วนเรื่องนี้ก็ถือว่าโอเคในระดับรองกว่าสองเรื่องนั้นหน่อยน่ะครับ

ดาราในเรื่องก็แสดงกันได้ดีครับ ที่ผมชอบมากหน่อยก็คือ Dean Stockwell ในบท บ็อบ เจนกินส์ นักเขียนนิยายแนวสยอง ก็เหมือนเป็นตัวแทนของ King น่ะครับ ลงมาทำหน้าที่ร่ายทฤษฎีต่างๆ โดยเฉพาะ แล้วก็ Bronson Pinchot เจ้าของบท เคร็ก ทูมี่ย์ จอมเห็นแก่ตัวที่น่ารังเกียจสุดๆ คิดแต่จะเอาตัวรอดอยู่คนเดียว ยอมรับเลยครับว่าพี่แกเล่นได้ดีจริงๆ ระดับที่น่าตื้บสุดๆ เลยล่ะครับ

ผมเองก็เคยมีโอกาสได้อ่านฉบับนิยายเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเรื่องนี้จริงๆ แล้วเป็นเรื่องสั้นขนาดยาวนะครับ (ยาวจริงๆ ประมาณ 400 หน้าแปลน่ะครับ) รวมอยู่ในหนังสือชุด Four Past Midnight ของพี่ King ตัวเรื่องสั้นเองกับหนังก็ถือว่าใกล้เคียงกันครับ เพียงแต่หนังสืออาจแรงกว่าหน่อยในบางเรื่องบางประเด็น

เป็นอีกหนึ่งผลงานจากเรื่องของพี่ King ที่แนะนำให้ลองชิมครับ รสชาติอร่อยไม่เลว ขอเพียงทำใจรับความอืดในบางช่วงนิดๆ หน่อยๆ น่ะครับ

ส่วนแง่คิดติดปลายนวมของหนังเรื่องนี้ ก็คงเป็นว่า “เวลามักผ่านไป อย่าปล่อยให้มันผ่านไปโดยไร้ประโยชน์”

อย่าลืมใช้เวลาให้คุ้มก่อนที่มันจะจากไปนะครับผม

สองดาวกว่าครับ

Star21

(6.5/10)

dg0rfhWojeIZhx0ADyQOTDuXrBL