Action

Justice League (2017) จัสติซ ลีก

23736430_1834676593229800_617420800393781555_o

สิ่งแรกที่ผมอยากจะพูดเลยก็คือ มันไม่แปลกครับที่หนังสักเรื่องจะมีคนชอบ-เฉยๆ-ไม่ชอบ เพราะรสนิยมของคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน และการจะสนทนาให้ออกรสนั้น เราก็ควรเปิดรับทุกความเห็นด้วยใจที่เย็นและคำพูดที่พอเหมาะพอสม

อย่างผมนั้น บอกตรงๆ เลยว่ารู้สึกเรื่อยๆ กับ JL ครับ และผมก็จะพยายามเขียนถึงหนังเรื่องนี้อย่างพอเหมาะพอสม ไม่ใช้คำก่นด่าให้เสียความรู้สึกกัน ซึ่งโดยปกตินั้นต่อให้ผมไม่ชอบหนังแค่ไหน แต่ผมก็จะไม่ตำหนิให้เกิดบรรยากาศที่ไม่ดี เพราะผมเคารพความต่างทางความคิดของทุกท่านเสมอ

อย่างน้อยตรงนี้ก็เป็นพื้นที่ที่ผมอยากเขียนบอกเล่าสิ่งที่ผมรู้สึก ซึ่งจุดหมายจริงๆ เพื่อ “เล่าสิ่งที่ผมอยากเล่า” ดังนั้นถ้าผมจะเล่าทั้งทีก็อยากจะเล่าให้ครบ เล่าให้ตรงกับที่ผมคิด แต่หากท่านใดคิดคนละอย่าง ก็สามารถแชร์ความเห็นกันได้แบบสบายๆ ครับ

ที่พูดมายืดยาวนี่ก็เพราะผมไม่อยากให้ตรงนี้กลายเป็นสมรภูมิครับ ทุกวันนี้อะไรๆ ในสังคมก็เยอะแยะหนัักหนาพอประมาณอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำให้ “ภาพยนตร์” อันเป็นหนึ่งในสิ่งที่เรารักกลายมาเป็นอีกหนึ่งชนวนให้เราหงุดหงิดใจ

โอเค ผมว่าผมก็บอกสิ่งที่คิดไปแล้วน่ะนะครับ เอาจริงๆ เลยคือ JL ดูได้เรื่อยๆ มีแอ็กชันต่อสู้ มี CG ละลานตา มีฮีโร่ให้เราดู แต่มันยังไปไม่ถึงจุดที่จะทำให้เกิดความมันส์ได้แบบเต็มที่ มันมีจุดอ่อนในหลายๆ ส่วน

หรือต่อให้ไม่ใช่จุดอ่อน ก็เป็น “จุดกลางๆ” หมายถึงไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้แย่ ถือว่ากลางๆ แต่เผอิญว่าสำหรับผมแล้วรู้สึกว่า “จุดกลางๆ” มันมีเยอะไปหมด มันเลยไม่สุด เนื้อเรื่องก็ธรรมดาเกินคาด ยิ่งตัวร้ายนี่ถือว่าไม่มีสีสันอะไรเลยจริงๆ

ในความคิดผมแล้ว หนังเรื่องนี้รวมดาวฮีโร่ จริงๆ มีอะไรให้เล่นเยอะ แต่ตัวหนังกลับไม่มีอะไรมาก เนื้อเรื่องแทบจะตามเทรลเลอร์ก็ว่าได้ คือเปิดมาพี่แบทแมน (Ben Affleck) กับวันเดอร์วูเมน (Gal Gadot) สัมผัสได้ว่ากำลังมีหายนะระดับใหญ่หลวงมาถึงโลก เลยต้องไปตามฮีโร่ที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ

ไม่ว่าจะจ้าวสมุทร อควาแมน (Jason Momoa), เดอะ แฟลช (Ezra Miller) ยอดมนุษย์สายฟ้า และไซบอร์ก (Ray Fisher) ซึ่งพวกเขาต้องมาเตรียมรับมือวายร้ายอย่างสเตปเปนวูล์ฟที่หมายจะครองมาเธอร์บ็อกซ์ อันเป็นขุมพลังยิ่งใหญ่สุดประมาณ (ส่วนพี่ซูเปอร์แมน (Henry Cavill) มีบทบาทอย่างไรบ้าง ก็ลองดูกันครับ แต่บอกได้อย่างหนึ่งว่าการกลับมาของพี่แก “มันง่ายดาย” จนผมยังแอบอึ้ง – คือมันไม่ลุ้นเลยน่ะครับ)

JL-FP-0132_master_gallery_5a04bbdfdbe525.77101583

เนื้อเรื่องมันง่ายจริงๆ ครับ ไม่ซับซ้อน ไม่เร่งเร้า ทั้งๆ ที่จริงๆ แผนของสเตปเปนวูล์ฟนั้นมันมีโจทย์ในเชิงแข่งกับเวลาอยู่เหมือนกัน แต่ทุกอย่างกลับดำเนินไปแบบเรื่อยๆ ถ้าให้พูดตามที่ผมรู้สึกแบบตรงๆ ก็คือ “มันราวกับว่าทั้งฝ่ายฮีโร่กับผู้ร้ายไม่ได้มีความกระตือรือร้นที่จะล้างผลาญกันสักเท่าไร” คือถ้าเจอก็ตีกัน แต่ถ้าไม่เจอก็ต่างคนต่างอยู่

และผมมองว่ายังไงหากจะทำหนังแนวนี้รวมฮีโร่แบบนี้ อย่างน้อยฮีโร่แต่ละคนต้องมีหนังของตัวเองให้เรารู้จักตัวตนและเกิดความผูกพันสักหน่อย อย่างกรณีวันเดอร์วูเมนไปโผล่ใน Bat V Sup แล้วปังนั้น มันคือจังหวะที่ “พอดี” จริงๆ (ซึ่งเกิดได้ไม่บ่อย) และอีกอย่างคือปริมาณตัวละครที่ต้องแนะนำใน Bat V Sup มันยังไม่เยอะ เพราะพี่แบทนี่คอหนังก็คุ้นมาแต่ไหนแต่ไหรแล้ว พื้นที่บนจอเลยไม่แน่น มันเลยพอกล้อมแกล้มไปได้

แต่กับหนนี้ตัวละครใหม่เพิ่ม 3 ตัว ไหนจะการมาของสเตปเปนวูล์ฟอีก พื้นที่มันเลยแออัดครับ ยิ่งหนังทำให้ยาวแค่ 2 ชั่วโมงก็ยิ่งไปกันใหญ่ ซึ่งรายที่เอาตัวรอดได้แบบพอเหมาะก็คือเดอะ แฟลช ในขณะที่อควาแมนนี่ถือว่ากลางๆ แต่รายได้แทบจะกลายเป็นบทสมทบเลยก็คือไซบอร์ก ซึ่งจริงๆ ผมว่าเราๆ ท่านๆ ก็มองออกแต่แรกแล้วครับว่าตัวละครนี้คงต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เพราะไม่ได้เป็นฮีโร่ที่ดังถึงขนาดนั้น (จริงๆ ถ้าจะไปตามไนท์วิงหรือกรีนแลนเทิร์นมาลงมันน่าจะเวิร์กกว่า – นี่คือพูดถึงระดับความดังน่ะนะครับ)

ยังไงความอินของตัวละคร มันก็ต้องมีการปูพื้นน่ะครับ อย่างพี่ซุปในเรื่อง จริงๆ บทน้อยกว่าใครเขานะ แต่ผมรักพี่แกที่สุด ต้องขอใช้คำว่า “รัก” เลยล่ะ ถ้าถามว่าเพราะอะไรก็คงเพราะพี่เขาทำให้เราจดจำได้จาก Man of Steel แล้วก็มาเจอวิบากกรรมใน Bat V Sup เขาคือตัวละครที่เราผูกพันที่สุด ดังนั้นแม้พื้นที่น้อย แต่ทุนเดิมหนา อีกทั้งวีรกรรมต่างๆ ที่ผ่านมาก็ทำให้เรายกย่องเขาไปแล้วว่าเป็น “ลูกผู้ชายตัวจริง” บทนี้เลยไม่ต้องออกแรงมาก

จริงๆ ตัวละครอย่างพี่แบทและวันเดอร์วูแมนนั้นก็มี “ปม” อยู่นะครับ อย่างพี่แบทก็เป็นปมเรื่องความรู้สึกผิดจากเหตุการณ์งวดก่อน ส่วนวันเดอร์วูแมนก็มีปมสืบเนื่องจากการสูญเสียคนรัก ซึ่งปมพวกนี้ก็มีการหยอดเล่นในเรื่องบ้าง แต่พอไม่ได้ลงลึกมันก็เลยไม่เกิดพลัง ทั้งๆ ที่ปมพวกนี้ถ้าเล่นดีๆ สานต่อ (จากหนังเรื่องก่อนๆ) ดีๆ ล่ะก็ คงจะทำให้ 2 ตัวละครนี้ดูเด่นขึ้นมาได้อีกพอสมควร (หรือจริงๆ ทั้งพี่แบทและเจ๊วันมีความเหมือนอย่างหนึ่งคือ “ความโดดเดี่ยว” จริงๆ ถ้าเอาปมนี้มาผูกไมตรีกัน มันคงน่าสนใจเลยล่ะ)

ดังนั้นหนังเลยมีจุดอ่อนหลายอย่างครับ ยิ่งบทหนังมาอ่อนด้วยแล้ว มันเลยไม่มีอะไรช่วยพยุงอะไรได้เลย จะพึ่งพาฉากแอ็กชันก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ได้สดใหม่พิสดารอะไรขนาดนั้น (โดยส่วนตัวผมยังยกให้ฉากพี่ซุปตีกับนายพลซอดใน Man of Steel คือฉากมหามันส์ที่ถึงใจที่สุดครับ)

justice-league-empire-0

พอดูไปสักค่อนเรื่อง ผมบังเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า “ผมอยากดูพี่แบทเดี่ยวๆ พี่ซุปเดี่ยว มากกว่าจะมาดูหนังรวมฮีโร่แบบนี้แล้วแฮะ” เพราะผมว่าหนังเดี่ยวๆ ที่เน้นตัวละครคนเดียวแบบเพียวๆ มันคือ “เส้นเลือดใหญ่-หัวใจหลัก-กระดูกสันหลัง” ของการที่จะทำให้ซูเปอร์ฮีโร่สักตัวหนึ่งเกิดได้แบบเต็มๆ ในขณะที่หนังรวมดาวแบบนี้ เหมือนเป็นกิมมิค เป็นเรื่องเฉพาะกิจ ที่ถ้าเกิดนานๆ ทีมันก็พิเศษ แต่ถ้าเกิดบ่อยเกิน (โดยที่ฐานตัวละครที่มารวมกันก็ยังไม่แน่น) มันก็จะกลายเป็นความ “ไม่พิเศษ” ไปในที่สุด

ผมมองว่าดาราแต่ละคนเล่นโอเคหมดครับ แต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้ฉายแสงแบบเต็มๆ หรือตัวผู้กำกับก็ตาม ไม่ว่าจะ Zack Snyder หรือ Joss Whedon ผมไม่รู้สึกอยากโทษพวกเขาเลยนะ เพราะถ้าให้พูดตรงๆ คือมันดูออกน่ะว่าความรับผิดชอบจริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่พวกเขาเท่านั้น แต่มันอยู่กับคนที่วางแผน วางแพลน วางทิศทางของจักรวาลนี้ต่างหาก

พอมองไปที่ความสำเร็จของ Marvel แล้ว ผมว่าโดยพื้นฐาน ทีมงานและผู้สร้างเขารู้ว่ากำลังทำอะไรและจะไปทางไหน เขารู้ธรรมชาติของตัวละครและจักรวาล ก่อนจะค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัว เซ็ททีละจุดๆ ส่วนเรื่องความสำเร็จหรือรายได้น่ะผมว่าเขาก็คาดหวังครับ เพราะมันคือธุรกิจ แต่ถึงจะธุรกิจยังไง พวกเขาก็ยังพยายามผูกใจแฟนๆ และสร้างฐานแฟนใหม่ๆ ไปพร้อมกัน

ในขณะที่จักรวาล DC ใต้ร่มของ Warner Bros. นี่ ผมก็เห็นใจนะ เพราะสร้างจักรวาลทีหลังเขา เลยพยายามแหวก (แทนที่จะสร้างหนังเดี่ยวแล้วค่อยมารวมกัน ก็สลับขั้วให้เป็น ทำหนังรวมก่อนแล้วค่อยไปแยก แบบนี้เป็นต้น) หลายอย่างก็ลองผิดลองถูก ในแง่หนึ่งผมว่าพวกเขาก็คงไม่อยากซ้ำรอย Marvel น่ะ แต่จริงๆ ผมอยากให้พวกเขามองดีๆ ว่าอะไรกันแน่ที่เหมาะสมกับจักรวาลของพวกเขา เพราะถ้าหากทางที่เหมาะสมมันคือทางเดียวกับที่ Marvel เดิน ก็แค่เดินไปบนทางนั้น

… คุณไม่ได้เดินตามรอย Marvel แต่คุณแค่เดินบนเส้นทางที่ถูกที่เหมาะเท่านั้น เพราะจักรวาลนี้ก็เหมือนเด็กที่เพิ่งเกิดน่ะครับ มันไม่แปลกนะหากคุณจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้ด้วยวิธีที่พ่อแม่คนอื่นเคยทำแล้วมันได้ผลน่ะ คุณแค่เอาวิธีดีๆ มาแล้วค่อยต่อยอดก็ได้ แต่ไม่ใช่ตั้งแง่ว่าฉันจะเลี้ยงลูกตัวเองให้ดี โดยใช้วิธีแหวก ไม่เดินตามคนอื่น… แบบนั้นถ้าไม่ “ดีมาก” ก็อาจกลายเป็น “เละเทะ” ไปเลยก็ได้

และสำหรับท่านที่สงสัยว่าผมเป็นติ่ง Marvel ไหม? (เพราะหลายปีให้หลังผมดูจะชมหนังจาก Marvel มากกว่า DC) จริงๆ หากท่านตามอ่านมาเรื่อยๆ ก็จะทราบครับ แต่หากไม่ทราบก็ขอเสริมตรงนี้เลยว่า ผมดูหมดแหละจะค่ายไหนก็ตาม อันไหนชอบคือชอบ อย่าง Batman ยุค Tim Burton หรือ Christopher Nolan นี่คือชอบมาก ในขณะที่ยุคนั้นหนัง Marvel ยุค 90 อย่าง Captain America และ The Punisher ที่ทำออกมาแบบเกรดบี ดูไม่สนุก ผมก็พูดได้แบบตรงๆ ว่าไม่ชอบ

ozmcggbvpmVIqxaHNvp-o

จริงๆ Marvel ก็ไม่ได้วิเศษมาจากไหนครับ หนังของพวกเขาเคยล้มมาไม่รู้กี่รอบ ต้องใช้เวลาเรียนรู้อยู่นานถึงจะตั้งหลักได้แบบที่เป็นนี่ แต่ขณะเดียวกันหากใครเป็นคอหนังมานานกว่า 20 ปีล่ะก็ จะตระหนักดีว่า Warner Bros. ชอบใช้ “ความยิ่งใหญ่” มาเป็นจุดขาย ไม่ใช่กับหนัง DC เท่านั้นครับ แต่หนังหลายเรื่องของ WB ชอบใช้สูตร “ใหญ่เข้าว่า” เช่น เนื้อเรื่องใหญ่ ดาราใหญ่ ทุนใหญ่ ฯลฯ

ซึ่งผลที่ได้มักเป็นวัฏจักรครับ คือมันจะได้ผลอยู่ช่วงหนึ่ง ทำเงินอยู่ระยะหนึ่ง แต่พอถึงจุดหนึ่งเมื่อสูตรเริ่มซ้ำ เมื่อทางเริ่มย่ำ หนังก็จะกลายเป็นล่มติดๆ กัน – ความใหญ่ช่วยอะไรไม่ได้ และรายได้ติดตัวแดงรัวๆ

ก็ต้องขอพูดสิ่งที่พูดมาหลายครั้งว่า “ผมอยากให้จักรวาลนี้เกิด” ผมอยากมีหนังสนุกๆ ดูอีกเรื่อย ผมอยากเห็นความแปลกใหม่สดอร่อย หรือไม่ก็อยากดูหนังที่แม้จะใช้สูตรเดิมๆ แต่ก็ยังสนุกอยู่ แต่กับเรื่องนี้บอกตรงๆ เลยว่าดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ แต่ผมไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า “หนังเรื่องนีั้สนุกมาก”

ถ้าให้ไล่เรียงหนังที่ผมชอบในจักรวาล DC ล่ะก็ ณ ตอนนี้ผมว่าผมชอบ Man of Steel ผมชอบ Bat V Sup (เวอร์ชั่น Extended นะครับ ไม่ใช่เวอร์ชั่นโรง) และชอบ Wonder Woman ในขณะที่เรื่องนี้ผมว่าผมชอบมากกว่า Suicide Squad แต่ก็สู้ 3 เรื่องข้างต้นนั่นไม่ได้

หนังที่ “ดูยิ่งใหญ่” มักเป็นหนังที่มี “ของเยอะ” แต่ทว่าหนังที่มี “ของเยอะ” ก็อาจไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่า “มันยิ่งใหญ่” ได้เสมอไป

ส่วนใหญ่แล้ว อะไรที่มันจะยิ่งใหญ่ได้อย่างมั่นคง มันต้องมีการสั่งสม-สะสม-บ่มเพาะให้เหมาะควร – ถ้าใหญ่แบบไม่มีพื้นฐานพื้นทุน ก็ไม่ต่างจากกรณี “สามล้อถูกหวย” ที่จะใหญ่ได้ เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ^_^

แต่ผมก็พร้อมจะดูหนังจักรวาลนี้ต่อครับ และผมยังหวังว่าจะมีความเปลียนแปลงในทางที่ดี-ที่เหมาะกับหนังในจักรวาลนี้… ก็พี่หน้าอกพี่ซุปเขามีสัญลักษณ์แห่งความหวังใช่ไหมครับ ผมเองก็ยังเชื่อใน “ความหวัง” นั่นอยู่เหมือนกัน เชื่อว่ามันต้องมีวันที่ทุกอย่างถูกที่ถูกทางสำหรับจักรวาลของ DC

สำหรับ JL นี้ บอกตรงๆ ว่าถ้าจะมีฉบับ Extended ออกมานี่ผมก็ไม่ว่ากันแล้วนะ มีก็พร้อมดู นี่ได้ข่าวว่าแฟน DC จำนวนหนึ่งในอเมริกาไม่พอใจหนังถึงขั้นร้องขอให้ WB ออกฉบับดั้งเดิมที่ Zack Snyder ตัดต่อ จะออกแผ่นหรือเข้าโรงก็ได้ (ใจจริงผมก็อยากดูเหมือนแฮะ)

สองดาวกว่าครับ

Star21

(6.5/10)