วิธีเดียวที่จะรู้ว่า ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงเจ๊งแบบไม่เป็นท่า ชนิดที่ไม่เคยเกิดกับ Eddie Murphy มาก่อนเลยน่ะนะครับ ก็คือต้องเข้าไปดู
บอกก่อนเลยครับว่าหนังเจ๊งหนักมาก ลงทุน 100 ล้าน แต่กลับได้มาแค่ 4.4 ล้านเท่านั้น โอ้ นี่เจ๊งอย่างแรงเลยนะครับ จริงๆ แววก็เริ่มออกมาไม่ดีตั้งแต่ตอนสร้างแล้ว เพราะหนังทำเสร็จตั้งแต่ปี 2000 แต่กว่าที่ทางสตูดิโอจะปล่อยออกมานั้น ก็โดนขึ้นหิ้งไปดองไว้ 2 ปีแน่ะ ก็ขนาดทางค่ายหนังยังไม่ไว้ใจ แล้วคนดูจะคิดยังไงล่ะครับ
และพอได้ดูปุ๊บ ก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมถึงเจ๊ง ก็หนังมันไม่อะไรใหม่เลยน่ะสิครับ คือ พี่ Eddie รับบทเป็นพลูโตแนช เจ้าของกิจการไนท์คลับที่มโหฬารที่สุดในลิตเติ้ลอเมริกา เมืองที่ไปสร้างบนดวงจันทร์น่ะครับ
ปรากฎว่าธุรกิจของเขาก็ไปได้สวยเลยครับ เงินทองไหลมาเมมา แต่แล้วจู่ๆ ก็มีจอมอิทธิพลผู้ลึกลับมาบีบบังคับให้พลูโต แนช ขายกิจการซะ นั่นทำให้พวกอันธพาลนี่ไล่ตามล่าพลูโต แนชและพรรคพวก ล่ากันแบบถึงตายเลยล่ะครับ แนชเลยต้องหาทางตามสืบว่าเจ้าจอมอิทธิพลลึกลับนี่เป็นใคร และมันจะมาไล่ฆ่าพวกเขาทำไม
เหตุผลประการสำคัญที่หนังไม่ดังคงเพราะ อย่างแรกเลยหนังไม่มีอะไรดึงดูดครับ เนื้อเรื่องคาดเดาได้ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่นัก ไม่ใช่แนวแอ๊คชั่นแต่ดันมาเป็นแนวตลกสไตล์หนังทีวีของ Disney ซะอย่างนั้นน่ะ ส่วนพวก Effect ที่ลงทุนไปเป็นร้องล้าน ก็ยิ่งใหญ่จริงครับ สวยจริง แต่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากกว่านั้นเลย เหมือนแค่เป็นไฟประดับต้นคริสต์มาสเท่านั้นเองน่ะครับ
สรุปว่าเนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไร นักแสดงเองจริงๆ ก็ไม่มีปัญหานะ อย่างพี่ Eddie ก็รับบทเดิมๆ หมูอยู่แล้วน่ะครับ จริงๆ แกไม่ได้แสดงแย่นะ แต่เรื่องมันไม่น่าติดตาม ตัวละครพี่แกก็แค่ฮาไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง ส่วนสำคัญที่จะชี้ชะตาให้หนังสนุกหรือไม่น่ะ ก็คือคนกำกับคนทำน่ะครับ ซึ่งเรื่องนี้คนทำคือ Ron Underwood ผู้ที่ไม่ดังเปรี้ยงปร้างซักที ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาพลาดหรือเปล่า หรือเพราะอะไร แต่งานเก่าๆ ของเขาอย่าง Tremors, City Slickers, Mighty Joe Young หรือแม้แต่ Speechless ที่ไม่ค่อยจะมีอะไร แต่มันก็ไม่โล่งโถงน่าเบื่อขนาดนี้น่ะครับ
ถ้าจะมีจุดที่ให้ชม ก็เหมือนจะมีแค่ Randy Quaid ในบทบรูโน่ หุ่นยนต์คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของแนช ที่เป็นตัวชูรสที่น่ารักสุดๆ ของหนังเรื่องนี้เลย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงครับ อย่าง Rosario Dawson ดาราสาวผิวดำที่ตอนนั้นโผล่หลายเรื่องมาก แต่ก็ไม่มีบทที่เข้าตาซะทีน่ะครับ อย่างเรื่องนี้ก็เหมือนกัน มาธรรรมดาเท่านั้นเอง
หนังมีฉากที่เข้าท่าเข้าทางจริงๆ แค่ตอนกลางเรื่องที่แม่ของแนช (Pam Grier) โทรมาบอกข่าวร้ายก็ตื่นเต้นดีล่ะครับ แล้วก็ 10 นาทีสุดท้ายของหนังที่มีให้ลุ้นบ้างเล็กๆ แต่ทำไงได้ล่ะครับ มาดีเอาแค่ไม่ถึง 15 นาทีจากหนังที่มีความยาว 95 นาที แล้วมันจะช่วยอะไรได้ล่ะครับ
ขนาดพยายามทำใจก็ยังอดผิดหวังไม่ได้ครับ เอาเป็นว่าไม่แนะนำแล้วกัน
ดาวกว่าๆ ครับ
(4/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy, Sci-Fi