ประมาณต้นยุค 90 ทาง Carolco บริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าบุญทุ่มที่ทำหนังพวก Rambo ออกมานั้น ได้มีแนวคิดจะทำหนังแอ๊คชั่นเกี่ยวกับพระเอกที่ต้องมาต่อกรกับวายร้ายทั้งโขยง โดยมีฉากหลังเป็นพายุเฮอร์ริเคน แล้วก็กำหนดให้ Sylvester Stallone มาแสดงนำ กำกับโดย Renny Harlin แห่ง Die Hard 2: Die Harder

แต่ทีนี้พอเขียนๆ บทไปก็ดูท่าว่าทุนมันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะแค่ค่าเขียนบทก็ล่อเข้าไปตั้ง 2 ล้านแล้ว สุดท้ายโปรเจคท์ที่ว่านี่ก็เลยเลิกไป แล้วเปลี่ยนโครงเรื่องมาเป็นพระเอกต้องสู้กับผู้ร้ายบนยอดเขาแทน ซึ่งก็คือเรื่องนี้นั่นเอง โดยดาราและผู้กำกับก็ยังเป็นชุดเดิมครับ

เกบ วอล์คเกอร์ (Sylvester Stallone) คือนักกู้ภัยมือเยี่ยมบนเทือกเขาแถบโคลาราโด แต่เนื่องด้วยอดีตอันเลวร้ายที่เขาไม่สามารถช่วยเพื่อนได้ เขาจึงออกจากงานไป แต่แล้วจู่ๆ ก็มีผู้ร้ายกลุ่มใหญ่ที่นำโดยอีริค ควาเลน (John Lithgow) ได้เดินทางมาที่เทิอกเขานี้เพื่อตามหาเงินที่พวกมันปล้นมา แล้วก็จับเพื่อนของเกบเป็นตัวประกัน

งานนี้เกบเลยต้องหวนคืนสู่งานเดิมอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพื่อกู้ภัย แต่เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนและจัดการไอ้พวกโจรเวรนี่ให้หมด

นี่เป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่ช่วยต่อลมหายใจพี่สไลของผมได้น่ะนะครับ หลังจากไปเล่นหนังอะไรก็ไม่รู้อยู่พักหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้าเรื่องนี้พี่สไลแกไปเล่นหนังตลกอยู่สองเรื่อง คือ Oscar แล้วก็ Stop! Or My Mom Will Shoot ซึ่งโดนทั้งคนดูและนักวิจารณ์ว่าซะอ่วมเลย (แต่ผมว่ามันก็ไม่เลวร้ายนะครับ) พี่สไลเลยต้องการหนังกู้ชื่อซักเรื่องหนึ่ง แล้วก็นับว่าโชคดีที่เรื่องนี้กู้ได้พอสมควร

สไตล์หนังเรื่องนี้ก็เป็นแอ๊คชั่นสไตล์ Die Hard บนยอดเขาน่ะครับ พระเอกคนหนึ่งต้องมารับมือกับวายร้ายเป็นโขยงและต้องช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ด้วย มีคนตายบ้าง ผู้ร้ายตายบ้าง แต่ในตอนท้ายพระเอกก็จะสามารถเล่นงานตัวหัวหน้าใหญ่ได้ (ต้องเล่นงานได้ในตอนท้ายครับ ไม่เคยมีเรื่องไหนตัวร้ายใหญ่ตายตั้งแต่ต้นเรื่องซักที) ก็เป็นสูตรที่สำเร็จแน่ๆ ครับ

ตัวหนังก็มันส์ใช้ได้เลยครับ พี่สไลก็ดูไปได้ดีกับบทนี้ ส่วนวายร้ายของเรื่องที่ได้ Lithgow มาเล่นก็หายห่วงได้ ขานี้ถนัดมากครับกับบทวายร้ายโรคจิตแบบนี้ เห็นเขาว่าตอนแรกจะให้ Christopher Walken มาเล่นนะครับ แต่พี่ท่านถอนตัวไปก่อนหนังจะเปิดกล้องได้ไม่นาน แล้ว Lithgow ก็มาแทนในนาทีสุดท้าย ซึ่งผมว่า Lithgow แกจะเหมาะกว่าน่ะครับ ดูโหดๆ ตัวสูงๆ เหมือนปีศาจอะไรอย่างนั้นน่ะ

ดาราสมทบอย่าง Michael Rooker ที่มาเล่นเป็นฮัล ทัคเกอร์ก็ช่วยเสริมความดีให้หนังได้พอสมควรครับ ส่วนเจ้าอื่นๆ ก็เป็นดาราที่อาจไม่ดัง แต่คุ้นหน้าซะหลายราย ด้านนักแสดงถือว่าผ่านครับ แสดงกันได้ดีพอตัว

หนังมันส์เอาเรื่อง การไปบู๊กันบนภูเขาก็เป็นอีกรสชาติหนึ่งที่เพิ่มอารมณ์ลุ้นได้อีกโข ฉากระเบิดฉากไล่ยัง ฉากเสี่ยงตายมีครบครับ หนังอาจมีช่วงอืดบ้าง แต่โดยรวมก็ออกมาสนุกดี ซึ่งก็ต้องชมพี่ Renny ล่ะครับ ทำงานได้ดี คุมหนังได้โอเค แม้ตอนทำจะบ่นๆ ว่าไม่อยากทำหนังสไตล์ Die Hard ซ้ำๆ ก็เถอะ

พูดถึงเบื้องหลังก็มีอะไรน่ารักๆ และฮาๆ อยู่ครับ คือมีอยู่ฉากหนึ่งในหนังมันจะมีกระต่ายอยู่ในฉากด้วย ประมาณว่ามีปืนยิงรัวๆๆ แล้วกระต่ายก็โดดหนีไป จริงๆ แล้วฉากดั้งเดิมกระต่ายน้อยเจ้ากรรมนี่ต้องแหลกคาที่เลยนะครับ แต่พอฉากรอบทดลองแล้วคนดูไม่ชอบกัน แล้วอย่าว่าแต่คนดูเลย พี่สไลแกก็ไม่เอา แล้วเชื่อมั้ยครับเขาลงทุนจ่ายเงินถึง 1 แสนดอลลาร์ในการถ่ายทำฉากใหม่ ไม่ให้กระต่ายตาย (เอากะพี่ครับ) เห็นมั้ยครับ พี่แกน่ารักจริงๆ

ก็เป็นหนังที่ทุกท่านน่าจะรู้น่ะครับว่ามีอะไรบ้าง ก็ถ้าชอบเรื่องสไตล์ Die Hard ก็ไม่น่าผิดหวังล่ะ แม้มันจะไม่ได้เด็ดขนาดนั้น แต่ก็ดูเอามันส์ได้สบายๆ โลเคชั่นบนเขาก็เป็นสีสันที่ไม่เลวครับ ทำให้เรื่องนี้มันแปลกตาจากหนังแอ๊คชั่นแนวเดียวกัน เพราะส่วนมากมันจะตีกันในตึกหรือไม่ก็อาคารน่ะครับ มาเรื่องนี้ตีกันบนเทือกเขาท่ามกลางหิมะ ก็ได้รสไปอีกแบบหนึ่ง ส่วนรายได้ก็ใช้ได้ครับ โกยไป $255 ล้าน (จากทุนประมาณ $70 ล้านครับ)

แล้วจริงๆ หนังมีแผนจะทำภาคต่อออกมาด้วยนะครับ ในชื่อ The Dam โดยจะกำหนดให้เกบไปสู้กับผู้ก่อการร้ายที่เขื่อนฮูเวอร์ แต่โครงการก็ไปไม่ถึงไหนครับ พอถึงช่วงประมาณปี 2008 พี่สไลก็พยายามฟื้นโปรเจคท์นี้ขึ้นมาใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สร้างครับ

อีกเกร็ดหนึ่งก็คือ ว่ากันว่าพี่สไลรับแสดงเรื่องนี้ เหตุผลหนึ่งก็เพื่อเอาชนะอาการกลัวความสูงของตนเองครับ

มันส์ได้ ดูได้ ไม่ผิดหวังครับ

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)