The Kingdom อีกหนึ่งหนังที่ว่าด้วยกลุ่มเจ้าหน้าที่ภาคสนามของอเมริกากับปฏิบัติการในตะวันออกกลางเพื่อล่าตัวผู้ก่อการร้าย ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่เดือดระอุ ให้ว่าสั้นๆ ตรงๆ ก็คือ “ดูได้เลยครับ ถ้าคุณชอบหนังสไตล์นี้“
ยอมรับว่าดูแบบไม่คาดหวังอะไรมาก แต่ผลที่ได้กลายเป็นความประทับใจครับ ถือเป็นงานกำกับที่เข้าท่ามากๆ ของ Peter Berg ที่ก่อนจะทำเรื่องนี้เขาก็กำกับ The Rundown และถัดจากเรื่องนี้เขาก็ไปดังต่อกับ Hancock, Battleship และ Lone Survivor ซึ่งหากจะบอกว่า The Kingdom เป็นหนังซ้อมมือสำหรับแนวทหารถือปืน ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรจะไปตกผลึกและเข้าฝักจนได้ออกมาเป็น Lone Survivor ก็คงไม่ผิดอะไรนักครับ
จุดที่ผมค่อนข้างชอบคือหนังทำออกมาครบรสครับ ดูเอาบันเทิง ลุ้นระทึก ตื่นเต้นก็ได้ หรือจะดูเอาอารมณ์คุกรุ่นเกี่ยวกับบรรยากาศทางการเมืองก็ได้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าอเมริกากับประเทศแถบตะวันออกกลาง (เช่น ซาอุดิอาระเบีย) นั้นมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนดีแท้ครับ เหมือนจะผูกมิตรแต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าอเมริกาประสงค์ผลประโยชน์ (เช่น น้ำมัน) จากทางนั้น โฉมหน้าของสัมพันธภาพจึงมี 2 ระดับ คือระดับต่อหน้า กับระดับลับหลัง
ซึ่งการทำงานใต้แสงและหมอกควันทางการเมืองแบบนี้ ก็ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่เจ้าของภารกิจทั้งสามนาย (Jamie Foxx, Chris Cooper และ Jennifer Garner) ต้องเจออุปสรรคมากกว่าแค่ไปเสี่ยงตายกับผู้ก่อการร้ายเพียงอย่างเดียว
แต่หนังดีอย่างตรงที่พยายามพูดถึงประเด็นเหล่านี้อย่างไม่เข้าข้างใครเกินไปครับ ถือว่าเล่าในระดับพอดีๆ จนเป็นการสะท้อนความจริงได้ในระดับหนึ่ง หนังเลยมีความลงตัวมากกว่าหนังที่พยายามโปรอเมริกาจนออกนอกหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งของความดีความชอบก็ต้องแบ่งให้ Matthew Michael Carnahan คนเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างอย่าง Michael Mann ด้วย
ว่ากันว่าจริงๆ แล้วหนังจะมีความยาวมากกว่านี้ครับ คือยาวประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เพราะผู้กำกับ Berg อยากลงลึกในเรื่องราวและอยากบอกเล่าเรื่องในเชิงดราม่าและมิติตัวละครมากกว่านี้ รวมถึงสเกลของเรื่องจะใหญ่กว่านี้ด้วย แต่ทาง Universal ผู้สร้างออกโรงค้านครับ และบีบให้ Berg ซอยหนังออกให้เหลือเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ซึ่ง Berg ก็กะไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ และเขาก็ยอมในท้ายสุดครับ
ตัวหนังอาจไม่ทำเงินเท่าไรนักครับ ทำในอเมริกาไปเพียง $47 ล้าน ถ้ารวมทั่วโลกก็ประมาณ $87 ล้าน แต่ทุนสร้างนั้นไม่ต่ำกว่า $70 ล้านครับ ก็เลยถือว่าหนังติดตัวแดงอยู่ แต่แม้จะเข้าเป้าเรื่องเงิน หนังก็เข้าเป้าเรื่องคุณภาพครับ ทำออกมาได้เข้มข้นน่าติดตาม และหนังเรื่องนี้ยังเป็นใบเบิกทางให้ Berg ได้ทำหนัง Lone Survivor ในเวลาต่อมาครับ
เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ตอนที่ Berg มีความสนใจอยากเอาเรื่องราวจากหนังสือ Lone Survivor มาทำเป็นหนังนั้น เขาได้ติดต่อไปยัง Marcus Luttrell ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นจากประสบการณ์จริงของตนเอง ทีนี้ระหว่างเจรจา Luttrell ก็ยังลังเล ในที่สุด Berg เลยยื่นข้อเสนอไปว่า ขอให้ Luttrell ลองดูหนัง The Kingdom เรื่องนี้ของเขาสักครั้ง หากดูแล้วรู้สึกไม่ชอบล่ะก็ Berg จะไม่มากวนใจ Luttrell อีกเลย
แล้วผลลัพธ์ก็อย่างที่รู้ครับ Berg ได้จับมือกับ Luttrell ทำ Lone Survivor จนดังสนั่นโกยไปเป็นร้อยล้าน (ซึ่งบทนำที่ Mark Wahlberg แสดงนั้นก็คือ Luttrell นั่นเองแหละครับ)
สรุปว่าหนังดูสนุกเอามันส์ได้ หรือจะดูเอาประเด็นทางการเมืองก็นับว่าน่าพอใจครับ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Action, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Thrillers