Adventure

The Island of Dr. Moreau (1996) ครึ่งคนครึ่งสัตว์ มฤตยูพันธุ์ใหม่

The-Island-of-Dr.-Moreau-1996-poster

นี่คือนิยายเรื่องดังอีกอันของ H.G. Wells นักเขียนแนวไซไฟระดับตำนานอีกคนผลงานดังๆ ก็ไม่ว่าจะ The Time Machine แล้วก็ The War of The Worlds ก็โคตรจะล้ำยุคเหลือเกิน ผมอ่านยังทึ่งเลยครับ คนยุคนั้นคิดได้ขนาดนี้ จินตนาการก็มหาศาล ไม่นับถือก็คงไม่ได้แล้วล่ะ

ส่วนนิยายเรื่อง The Island of Dr. Moreau ก็ดังครับ แล้วก็สร้างเป็นหนังมาหลายครั้งหลายหน แนวทางของเรื่องออกในเชิงสยองครับ ฉบับเก่าก็พอมีชื่อว่าทำได้สนุกเหมือนกัน แล้วพอมาฉบับนี้ก็ฮือฮาไม่ใช่น้อยเพราะดาราก็นำแล้ว ทั้ง David Thewlis (แห่ง Dragonheart), Val Kilmer ที่กำลังดังจาก Batman Forever และดาราระดับเก๋าอย่าง Marlon Brando เอาเฉพาะฟอร์มก็ขายชื่อดาราได้เยอะแล้วครับ ผู้กำกับก็ยังได้ John Frankenheimer มาทำอีก รายนี้ก็ระดับตำนานเหมือนกัน มีหนังเยี่ยมๆ เพียบ ไม่ว่าจะ Birdman of Alcatraz, The Manchurian Candidate, French Connection II แล้วก็ Black Sunday (งานสร้างจากนิยายของ Thomas Harris คนแต่งนิยายชุดฮันนิบาล เลคเตอร์น่ะครับ) ก็เรียกได้ว่าทีมงานค่อนข้างดีครับ มีชื่อ มีภาษี นิยายก็ดี ผลที่ออกมาน่าจะดี …

แต่ที่ไหนได้ หายนะชัดๆ ครับ รายได้พังทลายหงายเงิ้บ ซึ่งสำหรับผมนั้นไม่ยี่หระอยู่แล้วว่ารายได้มันจะดีแย่แค่ไหน ขอให้มันสนุกใช้ได้ ดูพอได้ก็โอเคแล้ว แต่ …

มาฟังเนื้อเรื่องกันก่อนครับ ก่อนผมจะสับหนังไปมากกว่านี้ เปิดเรื่องมาหนังก็แนะนำให้รู้จักกับเอ็ดเวิร์ด ดักลาส (David Thewlis) ผู้โดยสารเครื่องบินลำหนึ่งที่ดันประสบอุบัติเหตุตกกลางทะเล แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้ครับ ได้พบกับชายท่าทางเพี้ยนๆ นามว่ามอนท์โกโมรี่ (Val Kilmer) แล้วเขาก็พาเอ็ดเวิร์ดมายังเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาด ครึ่งคนครึ่งสัตว์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ ดร.มอโรว์ (Marlon Brando) นักวิทยาศาสตร์ที่หมายมั่นจะสร้างสายพันธุ์มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดขึ้นมา

แต่เมื่อทุกสิ่งเริ่มอยู่เหนือการควบคุม เมื่อเหล่าสัตว์ร้ายเริ่มกระหายเลือด ความตายก็แพร่ไปทั่วทั้งเกาะครับ แล้วเอ็ดเวิร์ดจะหนีจากเรื่องบ้าๆ นี่ได้มั้ยก็ว่ากันในหนังนะครับผม

เมื่อดูปุ๊บก็เก็ทปั๊บว่าทำไมหนังถึงเจริญฮวบๆ ได้ขนาดนี้ ก็ตัวหนังมันไม่มีอะไรให้รู้สึกว่าคุ้มตังค์เลยน่ะสิครับ โอเค ผมยอมรับว่าเมคอัพเอฟเฟคท์เขาดีจริง ทำได้เนี๊ยบมาก ก็ไม่น่าแปลกล่ะครับ ก็ฝีมือพี่ Stan Winston เซียนเมคอัพ จุดนี้ถือเป็นจุดที่เยี่ยมที่สุดในหนัง ก็จะไม่ให้เยี่ยมได้ไงครับ ในเมื่อส่วนอื่นออกทะเลไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้

ตัวละครแต่ละรายก็แปร่งๆ ปร่าๆ ไม่เข้าท่าซักราย โอเคครับ Brando ดาราเก๋าเป็นคนเดียวที่พอจะบอกว่าพอไหว นะครับ ฝีมือยังพอไว้ลายนิดหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็ทำให้บทดร.มอโรว์ออกมาน่าอบอุ่นพอสมควร ตอนแรกพอไหว แต่พอดูๆ ไปเหมือนตาแก่มายืนเพ้อสติไม่เต็มยังไงก็ไม่ทราบ เพราะบทมันดูเหมือนเขาจะต้องเป็นดร.สติแตก (ไม่แตกจะมานั่งผลิตพันธุ์ประหลาดอย่างนี้เรอะ) แต่ดันดูน่าคบหา มันเลยอดจะขัดกันไม่ได้

เอาน่า อย่างน้อย Brando ก็พอไหวสุด เจ้าอื่นๆ นี่ไม่ไหวเลยท่านทีเคารพ เริ่มจาก Thewlis พระเอกของเรื่อง ที่ดูจากโหงวเฮ้งแล้วเนี่ย ไม่น่าจะเป็นพระเอกได้เลย เหมาะจเป็นตัวร้ายโรคจิตมากกว่า แล้วพี่แกยังอุตส่าห์ทำหน้าถลึงตาตลอดจนดูน่ารำคาญ ไม่รู้ตาแกจะหลุดออกจากเบ้าเมื่อไหร่

แต่ที่เสียหายที่สุดเห็นทีจะหนีไม่พ้น Kilmer ที่บทไม่มากก็ไม่ว่า แต่บทไม่เข้าท่าด้วยนี่สิที่ไม่ไหวอ้ะ นึกจะนิ่งก็นิ่ง นึกจะบ้าก็บ้า คือมันไม่ใช่คลุ้มคลั่งแบบน่ากลัวนะครับ มันบ้าแบบติงต๊องอ้ะ อย่างฉากสุดท้ายของแกยังออกแนวฮาเลย ไม่มีที่มาที่ไป จุดจบก็สุดจะไร้สาระ

ในขณะที่ Fairuza Balk ผู้หญิงในเรื่องนี้ก็มาเหมือนกับให้บทมีผู้หญิงบ้างมากกว่าครับ ไม่น่าจดจำเช่นกัน

ส่วนเนื้อเรื่องต้องบอกว่าไร้พลังโดยสิ้นเชิง ไม่สนุกเลยครับ อืดยืด ไม่ได้อารมณ์ แอ๊คชั่นไม่มี ไซไฟล้ำจินตนาการก็ไม่เข้าท่าเลย คือผมมั่นใจนะ โดยส่วนตัวนี่ผมมั่นใจเลยว่าตัวนิยายดั้งเดิมที่ H.G. Wells เขียนออกมาต้องล้ำจินตนาการ มีสาระที่ดีและมีความน่าติดตาม มีความฉงน แต่ทำไมชาวฮอลลีวู้ดเอามาทำทีไรล่ะออกมาดูไม่จืดทุกที

จริงๆ ผมจะไปด่าว่าเป็นความผิดใครก็คงลำบากล่ะครับ เพราะถ้าจะบอกว่าทีมงานมือไม่ถึงก็ไม่ได้ เพราะจริงๆ แต่ละคนก็พอมีชื่อ ขนาดผู้กำกับก็ยังเป็น Frankenheimer แต่ถ้าถามต้นสายปลายเหตุล่ะก็ คงมาจากความสัมพันธ์ในกองถ่ายค่อนข้างเป็นไปอย่างเลวร้ายครับ โดยเฉพาะพี่ Kilmer นี่ตีกับทุกคน ไม่ว่าจะ Brando หรือกับผู้กำกับ ทะเลาะไปเรื่อย มีเรื่องประจำ บรรยากาศมาคุตลอด แล้วจะให้หนังมันออกมาเป็นเรื่องที่ดีได้ไง เหมือนทำๆ ไปก็วัยรุ่นเซ็งตลอด ทำแบบให้รีบๆ จบซะอย่างงั้นมากกว่า

จริงๆ ความวุ่นวายมันเริ่มตั้งแต่วันแรกๆ แล้วล่ะครับ เพราะตอนแรกน่ะ ผู้กำกับต้องเป็น Richard Stanley แต่ปรากฏว่าทำงานไปได้ 4 วันก็เจอการตีกันจนโดนไล่ออกครับ จนต้องมีการไปตามตัว Frankenheimer ก็นึกว่าจะถ่วงดุลอำนาจกันได้ แต่ไปๆ มาๆ กองถ่ายยังกะสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าน่ะครับ ใครเดินผ่านไปในกองแทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผากเดินออกมาเลย ดาราก็ทะเลาะกัน ดาราทะเลาะกับผู้กำกับอีก Kilmer นี่แหละครับ ตอนแรกตัว Kilmer เองก็ไม่ค่อยมีพาวเวอร์หรอกนะครับ แต่พอดี Batman Forever ที่แกเล่นดันดังระเบิด อำนาจต่อรองเลยสูงขึ้น ทีนี้กองถ่ายเลยลุกเป็นไฟเลย

พอทีมงานเขม่นกันปานฉะนี้ แล้วจะเหลืออะไรล่ะครับ ขนาดพี่ Thewlis ที่พยายามไม่อยากมีเรื่องกับใครก็ยังทนไม่ได้ ถึงขนาดสาบานเลยว่าจะไม่ขอดูหนังเรื่องนี้เด็ดขาด เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่เขาอยากลืมสุดๆ

เฮ่อ … แล้วจะไม่ให้หนังมันออกมาหายนะอย่างนี้ได้ไงละครับผม

สรุปว่าออกมาอย่างมั่วครับ ช่วงต้นทำท่าจะพอไหว อย่างน้อยบรรยากาศในเกาะก็ดูดีครับ เขียวสดแบบแฝงความลึกลับ แต่หลังจากนั้นหนังก็ไม่มีอะไรแล้วครับ Kilmer ก็บ้าไป Thewlis ก็ปั้นหน้าไป มีอยู่แค่นั้นจริงๆ

ดนตรีประกอบของ Gary Chang ในช่วงไตเติ้ลก็นับว่าเร้าใจดีมากครับ เป็นดนตรีแนวเคาะจังหวะ อันเป็นแบบเฉพาะสไตล์พี่เขา แต่นอกนั้นหลังจากช่วงต้นไปนี่นิ่งสนิทตายอนาถ

จะว่าไปหนังก็ยังพอมีประเด็นสาระอยู่อย่างเจือจางนะครับ อย่างเช่นว่าบางครั้งมนุษย์ก็ทำตัวไร้อารยธรรมมากขึ้นทุกวันๆ ทำให้โลกเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ การที่โลกทำท่าว่าจะพุ่งสู่จุดจบนี่ก็มาจากความทะเยอทะยานและไม่รู้จักพอของมนุษย์เรานี่แหละครับ แต่ก็นั่นแหละ มันเหมือนใส่ลงมาเพื่อให้หนังดูมีสาระมากขึ้นเท่านั้นเอง

ไม่น่าจดจำครับ น่าเสียดายจริงๆ เยย ออกมาหายนะ หาความสนุกไม่มีครับ น่าเบื่อ ดูแล้วเฉยๆ จริงๆ ผมว่าถ้าหนังมีคนทำออกมาดีๆ มันคงน่าสนล่ะครับ จริงๆ ผมก็มีเวอร์ชั่นปี 1977 อยู่ ไว้ดูแล้วจะเอามาเล่านะครับ แต่คาดว่ามันคงไม่เลวร้ายไปกว่านี้แล้วนะครับ

ทำใจกันเถิดพี่น้อง ขนาดนักแสดงเขายังไม่อยากดูผลงานชิ้นนี้ของตัวเองเล้ย ขนดาไหนลองประเมินดูครับ

ดาวหนึ่งก็ซึ้งแล้วล่ะจ้า

Star11

(4/10)

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.