หนังเรื่องนี้ก็จัดว่าตามรอยความสำเร็จของ She’s All That มาน่ะครับ ได้ Freddie Prinze Jr. คนเดิมมารับบทนำเป็น อัลเฟรด คอนเนลลี่ นักศึกษาที่ได้มาพบเจอกับ อีโมเจน (Julia Stiles) สาวสวยน่ารัก แล้วทั้งคู่ก็รักกัน แต่ด้วยความแตกต่างครับจึงทำให้มีปัญหากระทบกระทั่งกัน แล้วรักนี้จะลงเอยยังไงน้อ
อืมม์ หนังไม่ดังนักครับ ส่วนผมดูแล้วเห็นว่าโอเค โอเคจริงๆ นาครับ อย่างแรกคือเรื่องนักแสดงน่ะเลิกห่วงเถอะ ใช้ได้อยู่แล้ว ด้านเนื้อเรื่องนั้น มันก็ยังคงเวียนวนอยู่แต่ตรงที่ว่า ฉันรักเธอ เธอรักฉัน มีแค่นี้จริงๆ นะครับ เป็นเรื่องของความรักล้วนๆ และไม่เชิงโรแมนติกซะทีเดียวครับ มันจะเป็นเรื่องของความรักจริงๆ มากกว่า
อ้าว แล้ว โรแมนติกไม่ใช่ความรักรึ บางคนอาจสงสัย
ในความเห็นผม ผมว่าความโรแมติกมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งหรือเป็น Subset ของความรักมากกว่าครับ
ซึ่ง ใครเคยมีความรักก็คงปฏิเสธไม่ได้นะครับ ว่าความรักน่ะไม่ได้มีแต่เรื่องโรแมนซ์เพียงอย่างเดียว มันต้องมีปัญหา การทะเลาะ ไม่เข้าใจกัน เกิดขึ้นควบคู่ไปด้วย ซึ่งหนังก็นำเสนอตรงนี้ได้ดี เหมือนกับเราได้นั่งดูชีวิตรักของชายหญิงคู่หนึ่ง ว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีทั้งสุขและทุกข์ ตอนสุขนี่ก็แทบจะแกะจากกันไม่ออก แต่พอมีปัญหากันก็แทบจะมองหน้ากันไม่ติด (ทั้งๆ ที่อยากจะมองหน้าจะตายไปอ้ะ ฮือๆ) ไอ้อะไรแบบนี้นี่แหละครับที่ทำให้ผมชอบหนังเรื่องนี้ในระดับหนึ่ง เพราะมันค่อนข้างถึงและครบเครื่องครบรสในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ
ตอน ต้นเรื่องหนังก็แนะนำให้เรารู้จักอัลและอีโมเจน เขาเจอกันตอนเรียน เราเห็นเขารักกัน แล้วก็สวีทกัน จนท้ายสุดก็มีปัญหากัน ผมชอบอ้ะคับ หนังเอาปัญหาที่คู่รักวัยรุ่นส่วนใหญ่ต้องเคยเจอกันมาทั้งนั้น เช่น ขัดใจเรื่องข้าวของเครื่องใช้ หรือ ฝ่ายหนึ่งมีอารมณ์อยากสวีทด้วยแต่อีกฝ่ายกลับไม่มีอารมณ์จะสวีทยังเงี้ย ไปๆ มาๆ เลยกลายเป็นเรื่องขึ้นมาซะนี่ ดูไปแล้วก็พยักหน่าหงึกๆ เพราะมันใช่เลยอ้ะคับ แล้วแน่นอนว่า แต่ละฝ่ายก็ย่อมมีโลกของตัวเอง ซึ่งจุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายพร้อมจะเข้าใจความเป็นอีกโลกหนึ่งของเขา มั้ย ถ้าทำไม่ได้ก็คงต้องมีการแยกกันเกิดขึ้นน่ะครับ เพราะเข้ากันไม่ได้ ซึ่งอัลกับอีโมเจนก็ทำท่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ผมว่าหนังเรื่อง นี้ตั้งชื่อไทยได้ตรงกับเนื้อในมากๆ ครับ เพราะในเรื่อง ความรักมันจะเกิดขึ้นสองครั้ง ครั้งแรกก็อย่างที่บอก เกิดตอนเรียน แล้วความรักครั้งที่สองก็มาเกิดอีกทีตอนที่ 2 คน เป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว อะไรๆ มันจึงเปลี่ยนไป ซึ่งผมว่าผู้กำกับ Kris Isacsson (พี่แกเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยครับ) ทำออกมาได้ดีและถึงพอสมควร ดูหนังแล้วจะรู้สึกเลยครับ ว่าอารมณ์ครึ่งแรกกับครึ่งหลังมันแตกต่างกัน ครึ่งแรกเป็นรักวันรุ่น ดูสดใสมีเรื่องฮาๆ เพียบ ส่วนปัญหาที่ทั้งคู่มีก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องผิวเผิน เป็นเรื่องอารมณ์มากกว่า แล้วทั้งคู่ก็เอาแต่อารมณ์ด้วยครับ พออีกฝ่ายหนึ่งหนักมา อีกคนก็หนักตาม จะเพราะทั้งคู่ยังเด็กหรือยังไงก็แล้วแต่เถอะ
แต่พอมาครึ่งหลังหนังดูโทนเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาจริงๆ ครับ ทั้งคู่เริ่มพูดด้วยเหตุผล + ความรู้สึกมากขึ้น ไม่ได้ใช้อารมณ์ล้วนๆ อีกต่อไป
แต่ ถ้าว่ากันถึงตัวหนัง มันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ มันยังคงเป็นเรื่องรักๆ ธรรมดานั่นเอง หลายๆ อย่างยังไม่ถึงนัก เรื่องอารมณือะไรอาจจะแค่ในระดับหนึ่ง ทว่าตรงเนื้อในนี่สิ ผมว่า Isacsson สังเกตแง่มุมความรักของวัยรุ่นออกมาได้เข้าท่าครับ ค่อนข้างละเอียดและน่าคิดดีจริงๆ
หนังไม่ถึงกับดีครับ แต่ในหนังน่ะมีดีนะ อันนี้แล้วแต่ด้วยนะครับ เผอิญผมดูหนังแล้วคิดตามอยู่แล้วด้วย ถือเป็นกำไรน่ะครับ แล้วนี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวใจด้วย ผมเลยคิดว่ากำไรเรื่องแบบนี้ก็ดีเหมือนกันครับ เพราะปรับใช้ได้จริงและเห็นได้จริง
บางครั้งเราไม่ต้องรอให้ปัญหา นั้นๆ มาเกิดกับเราแล้วเราค่อยคิดก็ได้นะครับ เราลองคิดก่อนล่วงหน้าเผื่อตอนมีปัญหาจริงๆ เราจะได้พอตั้งหลักได้ถูก
ยิ่งปัญหาเรื่องรักๆ ด้วยแล้ว มีทีล่ะเหนื่อยครับ (แต่มันจะมาสนุกตอนงอนนี่แหละ )
ดูได้ ไม่ผิดหวังครับ
สองดาวเฉียดครึ่งครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy, Drama, Romance