Adventure

โดราเอมอน โนบิตะ มหัศจรรย์ดินแดนแห่งสายลม (2003) Doraemon: Nobita and the Windmasters

windmasters_00

ตอนพิเศษโดราเอมอนมาถึงตอนที่ 24 แล้วนะครับ เรื่องราวในภาคนี้ก็เป็นตำนานเกี่ยวกับดินแดนแห่งสายลมครับ ที่แห่งนั้นเคยมีปีศาจสายลมที่ร้ายกาจออกอาละวาด แต่ก็โดนกักไว้ โดยโดนกักไว้ในรูปของไข่ 3 ฟอง ทีนี้ก็ดันมีพวกชั่วร้ายไปเปิดมันออกมาครับ แล้วไข่ฟองหนึ่งในสามนั้นก็พุ่งตรงมาแถวบ้านซูเนโอะ แล้วมันก็กระเทาะเปลือกออกมา กลายเป็นลมพายุตัวน้อยๆ ที่แสนซน

ซูเนโอะเห็นเข้าก็อยากได้ครับ แต่เจ้าพายุนั่นดูจะไม่วางใจซูเนโอะดเลย มันเลยหนีไปชนกับโนบิตะเข้า ซึ่งก็คงเดาออกใช่มั้ยฮะว่าโนบิตะต้องเก็บไปเลี้ยงและตั้งชื่อว่าฟูโกะ ซึ่งเรื่องนี้ซุเนโอะก็ไม่พอใจอยู่ล่ะครับ ประมาณว่าฉันเจอก่อนนี่หว่า ทำไมถึงไปอยู่กับเจ้าโนบิตะฟะ

จากนั้น การผจญภัยก็เริ่มทันทีครับ เมื่อระหว่างที่พวกเขาพาฟูโกะไปเที่ยว แล้วเกิดหลงเข้าไปในดินแดนแห่งสายลมเข้า พวกเขาได้พบกับเตมูจิน เด็กชาวสายลมนิสัยดีและเป็นเพื่อนกัน และแน่นอนว่าพวกโดราเอมอนต้องไปพบแผนร้ายของพวกชั่วพอดี งานนี้ก็เลยต้องมีการตีกันตามระเบียบล่ะครับผม

เฮ่อ 24 ตอนแล้วนะครับ ผ่านไปเร็วดี เดี๋ยวตอนหน้าตอนที่ 25 ก็หมดแล้ว โดราเอมอนก็จะไม่มีตอนพิเศษใหม่ๆ ออกมาอีกแล้ว (จะมีแต่ตอนรีเมคน่ะครับ ไม่ถือว่าเป็นตอนใหม่) ซึ่งผมก็ผูกพันนะ ผมเชื่อว่าเราหลายๆ คนก็รักเจ้าหุ่นยนต์แมวตัวนี้ รวมไปถึงโนบิตะ ชิซูกะ ไจแอนท์ และซูเนโอะด้วย ตั้งแต่โดราเอมอนได้เข้าโรงผมก็ตามไปดูทุกตอนล่ะครับ ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้ว่าความสนุกมันคงจะเทียบตอนเก่าๆ ไม่ได้อยู่แล้วก็ตามที แต่มันก็อยากไปดูน่ะครับ เหมือนเจอญาติปีละครั้งอะไรหยั่งเงี้ย ดังนั้นผลจะออกมาสนุกมากหรือน้อยก็ไม่ว่ากัน เพราะแม้มันจะสนุกน้อย แต่การได้ผจญภัยไปกับพวกเขามันก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วล่ะครับ สำหรับผมนะฮะ (กับบางเพื่อนบางคนบอกมาว่า “คุ้มตรงไหนวะ เอาตังค์ตูมาเฟ้ย”)

สำหรับภาคนี้ มันก็มาทำนองเดียวกับโดราเอมอนในช่วงหลังๆ นี่แหละครับ นั่นก็คือเนื้อหามันจะธรรมดา ไม่ได้มีการผูกปมหรือความมันส์เท่าสมัยก่อน มันจะเหมือนกับเดินเรื่องไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักผ่อน พอหายเหนื่อยก็เดินเรื่องต่อไป ในขณะที่ถ้าเป็นสมัยก่อนล่ะก็ จะมีการเปิดปมที่ชวนฉงนตั้งแต่ต้นเรื่องเลยครับ เดินเรื่องก็จะรวดเร็ว มีเป้าหมาย มีการผจญภัยและมุขแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ แล้วในช่วงท้ายเราก็จะได้พบกับการประจัญบานอันสุดจะมันส์ระหว่างพวกโดราเอมอนกับวายร้าย ซึ่งเมื่อก่อนที่มันส์ๆ จริงๆ นะครับ และแม้ตอนใหม่ๆ จะยึดโครงเรื่องสไตล์นี้ก็เถอะ แต่ลูกเล่น รายละเอียดและจินตนาการยังห่างชั้นกันเยอะ

โดราเอมอนตอนนี้ก็มีทั้งส่วนที่ผมเห็นว่าดีและยังพร่องอยู่น่ะนะครับ มาส่วนที่พร่องก่อน ซึ่งที่ว่าพร่องนี่ไม่ใช่แค่ตอนนี้นะครับ แต่มันเริ่มพร่องตั้งแต่ช่วงที่ท่านอาจารย์ฟุจิโมโตะ ฮิโรชิเสียชีวิตกันมาเลยทีเดียว นั่นคือเรื่องรายละเอียดของสถานที่ที่พวกม่อนไปผจญภัยครับ คือม่อนทุกตอนนั้นมันจะมีการผจญภัยไปยังดินแดนที่แปลกๆ ตลอด แต่ถ้าเป็นม่อนยุคเก่าล่ะก็ สถานที่แห่งนั้นจะมีความลึกลับและมีแง่มุม+จินตนาการของผู้สร้างใส่ลงไปด้วย ตัวอย่างเช่นตอนผจญภัยใต้สมุทรครับ ตีกับโปเซดอน ตรงสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ซึ่งในหนังไม่ได้มีแค่บอกว่าตรงนั้นมันคือสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเท่านั้น แต่มันยังมีการผูกเรื่องผูกตำนานเข้ากับทวีปมูและแอตแลนติส ทำให้ดินแดนแห่งนั้นมีความลึกลับและความขลัง และน่าค้นหามากๆ

แต่มาม่อนยุคหลังๆ นี้ สถานที่แปลกจริงครับ แต่ไม่มีอะไรชวนฉงน และไม่มีอะไรที่แสดงให้เห็นถึงจินตนาการถึงผู้สร้างเท่าไหร่ อย่างตอนลงใต้สมุทรพวกเรื่องทวีปมู เรื่องหุ่น เรื่องเครื่องจักร เรื่องโปเซดอนนี่เป็นการแสดงกึ๋นเลยนะครับว่าทีมงานมีจินตนาการขนาดไหน วาดภาพและผูกเรื่องได้เยี่ยมแค่ไหน แต่มาภาคหลังๆ อย่างตอนแดนสุริยกษัตริย์ก็ได้ ดูก็รู้ครับมีปิรามิด มีกระโหลกแก้วผลึก มันก็ต้องเป็นพวกแถบอินคา แถบมายาอะไรเงี้ย แต่หนังบอกแค่นั้นครับ ไม่ได้มีการผูกตำนานเพิ่มความขลังอะไรเลย จุดนี้เองที่มันพร่องไปไม่ใช่น้อย และกับภาคนี้ก็เช่นกันครับ ดินแดนสายลมดูก็รู้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าแค่ดินแดนน่ะ แต่หนังก็ไมไ่ด้ผูกอะไรเพิ่มอีกแล้ว และที่ผมหงุดหงิดหนักหนาคือ ตัวละครเตมูจินครับ ถ้าใครรู้ประวัติศาสตร์จีนพอได้ยินชื่อนี้ย่อมร้องอ๋อ

เพราะ ชื่อเตมูจิน คือชื่อตอนเป็นเด็กของ เจงกิสข่าน

ผมมั่นใจครับว่าถ้าเป็นสมัยเก่าล่ะก็ ตัวละครนี้ต้องมีความลับและรายละเอียดอะไรเพิ่มแน่ รวมไปถึงดินแดนแห่งนี้ต้องมีตำนานไปผูกกับแดนลึกลับที่เราเคยได้ยินอย่างแน่นอน (ไว้ผมจะเอาโดราเอมอนมาเขียนเรียงกันทั้ง 24 ตอนครับ แล้วจะเห็นได้เลยว่าทุกตอนสมัยก่อน มันจะเต็มไปด้วยตำนานจริงๆ)

ซึ่งหนังมันดูพร่องจินตนาการจริงๆ ครับ ลูกเล่นไม่มากมาย รวมไปถึงฉากตีกันตอนท้าย ซึ่งแทบจะเป็นกฎมณเฑียรบาลของการ์ตูนชุดนี้เลยนะครับว่า 5 สหายต้องรวมพลัง แม้จะตีกันฆ่ากันมากี่รอบก็เหอะ แต่พอมีอันตราย ทั้ง 5 จะสั่งลุยและรวมใจกันสู้อย่างไม่คิดชีวิตตนเอง (นึกถึงส่วนนี้ขนลุกทุกทีครับ มิตรภาพ 5 คนนี้โคตรเหนียวจริงๆ อ้ะ) แต่กับภาคนี้มีแค่โดราเอมอนขยายตัวตีกับมังกรแบบตัวต่อตัว โอย ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ รับประกันครับ 5 สหายของเราจะขยายตัวกันหมด หรือไม่ก็สู้มันทั้งที่ตัวเล็กๆ นี่แหละ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องลุยด้วยกันจนกว่าภัยพิบัตินั้นจะสิ้นสุด (เลือดสุพรรณขนานแท้)

ประเด็นมิตรภาพของ 5 คนนี่สำคัญตลอดมาครับ และถือเป็นไฮไลท์ของแต่ละตอนก็ว่าได้ เพราะช่วงนี้จะมีทั้งลุ้นทั้งฮาและเสียสละครบถ้วนไม่มีขาดซักรส

แต่ภาคหลังๆ ไม่รู้พวก 5 สหายแก่ตัวรึไงก็ไม่รู้ ไม่ค่อยลุยแบบถึงไหนถึงกันซักเท่าไหร่เลย

เฮ่อ ผมเหมือนตาแก่ขี้บ่นครับ เข้าใจ ก็เป็นทุกข์ประการหนึ่งล่ะครับ ดันชอบดูมาตลอดนี่หว่า เลยอดจะพูดไม่ได้ (และยังเป็นพวกคิดมากอีก เฮ่อ)

แต่ครับ แต่ว่าภาคนี้ไม่มีอะไรดีเลยเหรอไง คำตอบคือ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แน่ๆ

ส่วนที่พร่องไปนั้นคือรสชาติเดิมๆ ที่กลมกล่อมของโดราเอมอนครับ แม้มันจะพร่องไปมากจนหนังรสชาติสนุกน้อยลง แต่หนังก็มีความใหม่หลายๆ อย่างใส่ลงมา และเป็นความใหม่ที่น่าสนใจด้วย ตั้งแต่พฤติกรรมของไจแอนท์ที่ภาคนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญเลยนะครับ (เป็นประโยคที่ฮามากของหนังด้วย) รวมไปถึงการที่โนบิตะมีความรับผิดชอบมากขึ้น กับการดูแลฟูโกะ ภาคนี้โนบิตะได้เรียนรู้การเป็นพี่คนหรือการเป็นพ่อคนได้มากเลยนะครับ ตั้งแต่การดูแลฟูโกะ การดุด่าสั่งสอนเขา ผมว่าฟูโกะเป็นตัวละครที่ทำให้โนบิตะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกมาก เพราะฟูโกะเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโตครับ และเด็กลักษณะนี้ ผู้ใหญ่ต้องมีความอดทนในระดับที่สูงมากๆ ถึงจะเอาอยู่ ยิ่งเด็กผู้ชายล่ะแทบจะบอกได้เลยว่าน้อยคนครับที่จะอดทนกับฟูโกะได้อย่างนี้

แล้วยิ่งตอนโนบิตะดุฟูโกะจนหนีไป จากนั้นเขาก็ออกไปตามหา นี่แหละครับ อุปนิสัยประจำตัวของโนบิตะเลย เป็นเด็กดีครับ แม้จะขี้เกียจแต่ก็อ่อนโยน ผมว่าผู้ชายสไตล์นี้หายากไม่น้อยนะยุคเนี้ย(จนผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชิซูกะถึงยอมตกร่องปล่องชิ้นด้วย)

อะไรพวกนี้ผมว่าไม่เลวเลยครับ เพียงแต่หนังน่าจะเล่นเรื่องของซูเนโอะด้วย เพราะในเรื่องนี่มีปมสำคัญเลยครับเกี่ยวกับซูเนโอะ แต่หนังดันลืมไปซะนี่

รวมไปถึงฉากสุดท้ายที่บอกตรงๆ ว่าผมเกือบร้องไห้ครับ … เกือบ แต่มันแค่เกือบอ้ะ ถ้าหากมันลากฉากดังกล่าวให้ยาวกว่านี้ซักหน่อย และถ้ามันเพิ่มปมมิตรภาพของซูเนโอะลงไปอีกนะ เชื่อเถอะครับ มีตายแน่ๆ ก็ไม่รู้ว่าทีไอ้ฉากเน้นความประทับใจอย่างนี้มันจะรีบให้จบไปถึงไหน ทีไอ้ฉากช่วงกลางๆ ล่ะยืดอยู่ได้ น่าเสียดายจริงๆ ความรู้สึกผมอย่างเดียวกับเมื่อภาคที่เเล้วเลยครับ ฉากช่วงท้ายภาคก่อนนี่เหมือนกัน เกือบร้องไห้เหมือนกัน แต่ไม่รู้หนังมันจะรีบตัดให้จบๆๆ ไปทำไม น่าจะลากอีกหน่อยอ้ะ อารมณ์กำลังมาแล้วเชียว

นี่ผมร่ายมากยาวเกินไปแล้วมั้งครับ เอาเถอะ พอดีกว่า สรุปว่าภาคนี้สู้สมัยเก่าไม่ได้ก็จริง แต่สำหรับคอโดราเอมอนแล้วมันยังพอดูได้ครับ และภาคนี้ยังมีความประทับใจค่อนข้างสูง ได้เห็นตัวละครที่เรารักเติบโตขึ้น โดยเฉพาะท่านไจแอนท์!!!!!! โอ้ แม่เจ้า ท่านยอดมากๆ ครับ ท่านยอดมากจริงๆ ในภาคนี้ ก็ถ้าไม่มีไจแอนท์ซักคน อีก 4 หน่อคงตายไปหลายรอบแล้วแน่ๆ

และฉากจบที่(เกือบ)จะทำให้เราน้ำตาไหลได้สำเร็จ พร้อมด้วยเพลงจบที่สามารถรองรับอารมณ์ประทับใจและน้ำตาของเราได้แบบเต็มๆ (ถ้ามันลากอารมณ์กว่านี้ล่ะก็น้า … ธ่อโว้ย พวกเอ็งจะรีบจบไปไหนวะ)

ถ้าเฉพาะหนังล้วนๆ คงสองดาวกว่าครับ แต่เผอิญมันมีส่วนของความประทับใจส่วนตัวและความผูกพันในพี่ม่อนกับเพื่อนพ้องเลยต้องขอให้เพิ่มอีกซักครึ่งนึง ก็ต้องยอมรับประการหนึ่งครับว่า แม้มันจะเทียบตอนเก่าๆ ไม่ได้ แต่อย่างน้อย ถ้าวัดกันเฉพาะตอนหลังๆ มา ภาคนี้จัดว่าน่าพอใจมากเอาการอยู่

สองครึ่งครับ

Star22

(7/10)