ภาค 3 นี่ออกแนวเป็นดราม่าแล้วครับ เรื่องราวของ คอร์นีเลียส (Roddy McDowall) และ ซีร่า (Kim Hunter) 2 วานรจิตใจงามที่คอยช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ใน 2 ภาคที่แล้ว ครั้งนี้พวกเขาได้นั่งยานของเบรนท์ย้อยเวลากลับไปยังโลกในยุคอดีต (กล่าวคือปัจจุบันนั่นเอง) แล้วทีนี้ก็แน่นอนล่ะครับ ชาวโลกทั้งหลายก็แตกตื่นกันหมดล่ะครับ ซึ่งก็มีทั้งคนต้อนรับและต่อต้านพวกเขา จนในที่สุดพวกที่ไม่ชอบและหวาดกลัวในตัววานรทั้งสองก็เริ่มออกตามล่าทั้งคู่ อย่างโหดเหี้ยม แล้วทั้งคู่จะรอดหรือไม่ ต้องติดตามครับ
ภาคนี้ ผมยังคงชอบอีกตามเคย สาเหตุหลักๆ ไม่ใช่เพราะจินตนาการหรือเรื่องเกี่ยวกับไซไฟอีกแล้วครับ เพราะภาคนี้มันเน้นตรงเรื่องเชิงดราม่ามากกว่า ดังนั้นที่ผมชอบก็คือเรื่องเกี่ยวกับชีวิตนี่แหละ คนที่ดูสองภาคก่อนมาย่อมรู้นะครับว่าทั้งคอร์นีเลียสและซีร่า ต่างก็เป็นลิงที่ดี เขามีจิตใจดีและหวังดี แม้คอร์นีเลียสจะกล้าๆ กลัวๆ ก็ตามแต่ท้ายทีสุดเมื่อต้องเลือกเขาก็เลือกความถูกต้อง ทว่าในภาคนี้เขาดันต้องมาเจอกับเหล่ามนุษย์ที่ตื่นกลัวต่อความเปลี่ยนแปลง และใจคับแคบ ผลที่ออกมาเลยกลายเป็นเรื่องเศร้า ทั้งๆ ที่หากจะอยู่กันไปดีๆ ก็ได้ครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่นี่ดันมากลัวแบบบ้าๆ บอๆ ซึ่งก็โทษไม่ได้ครับ เพราะพวกที่กลัวนั่น ก็ไม่รู้จัก 2 วานรนี้อย่างที่คนดูรู้จักนี่ครับ อีกอย่างมนุษย์เราชอบกลัวสิ่งที่ผิดปกติเสมอๆ ด้วย
นอกจากนี้ในหนัง จะแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่เป็นลิงที่มีหัวคิดครับ แสดงความคิดออกมาได้อย่างฉลาด โดยเฉพาะซีร่าที่เธอแสดงความคิดในแง่มุมที่ให้ความสำคัญต่อทุกอย่างใน ธรรมชาติอย่างเท่าเทียมกัน เช่นเรื่องการเรียกร้องเรื่องง่ายๆ อย่างการลองให้สามีมาจัดที่นอนแทนภรรยาบ้าง (เป็นเหมือนนโยบายอะไรเงี้ยครับ) ตอนเธอพูด เธอแสดงความเห็นนั้นมันเป็นไปอย่างธรรมชาติมากๆ มีความจริงใจอยู่ในน้ำเสียงและแววตา (อันนี้ต้องชม Kim Hunter เลยครับ เธอแสดงได้ดีมากจริงๆ เพราะต้องแสดงความรู้สึกผ่านทางเมคอัพหน้าเตอะขนาดนั้นน่ะ) ดังนั้นพอทั้งสองต้องมาโดนตามล่าในช่วงท้ายของเรื่อง มันก็อดหดหู่ใจไม่ได้ครับ
นอกจากนี้ ยังมีอีกอย่างครับ ผมนั้นชอบคำพูดประโยคหนึ่งที่ดร.อ็อตโต้ ตัวร้ายของเรื่องพูด นั่นคือ “โลกเรากำลังประสบปัญหาก็เพราะคำว่าไว้ก่อนนี่แหละ ปัญหาขยะก็ไว้ก่อน ปัญหามลพิษก็ไว้ก่อน ไว้ทำทีหลัง ก็เพราะไอ้การผลัดแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้โลกก้าวเข้าสู่วิกฤติแบบเนี้ย ต้องถึงเวลาตื่นตัวซะทีแล้วล่ะครับ” ผมเห็นด้วยนะครับ จุดนี้เลยทำให้ผมพอจะเข้าใจในตัววายร้ายคนนี้ขึ้นมาทันที ที่เขาทำนี่ไม่ได้หวังร้ายต่อใครครับ เขาทำในสิ่งที่เขาเชื่อว่ามันถูกต้องและเหมาะสม เขาทำในสิ่งที่เขาเชื่อว่าต้องทำเพื่อปกป้องโลกเอาไว้ แม้ว่ามันจะเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุก็ตาม และผมก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำ แต่ผมก็เข้าใจในการกระทำของเขาครับ
นัก แสดงก็แสดงได้ดีไม่มีที่ติครับ ทั้ง McDowall, Hunter, Natalie Trundy ที่มารับบทเป็น ดร.สเตฟฟานี่ เบรนตัน (ภาคที่แล้วเธอเล่นด้วยเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ถ้าจำกันได้นะครับ) และ Ricardo Montalban ในบทอาร์มันโด้ เจ้าของคณะละครสัตว์ที่คอยช่วยสองวานรตลอดเวลา และท้ายสุดคือ Eric Braeden ในบทดร.อ็อตโต้ แฮสเลน วายร้ายของเรื่องนะครับ พี่แกเล่นได้ดีจริงๆ เหมือนกัน ซึ่งจริงๆ แล้วชื่อของดร.แฮสเลนนี่เคยได้รับการกล่าวถึงมาแล้วในหนังสองภาคก่อนตอนต้นๆ นะครับ ตอนที่พวกนักบินคุยกันน่ะแหละ มาภาคนี้เราก็ได้เจอตัวจริงซะที
นอกจากนี้ ในภาคนี้ยังมีการเปิดปมสำคัญอีกอย่าง คือ ไวรัสที่ฆ่าสุนัขและแมวจนหมดโลกไปจะเริ่มปรากฏในภาคนี้ครับ (จากเนื้อเรื่องคือ มีไวรัสฆ่าหมาแมวจนหมดโลก คนเราเลยเลือกเอาวานรมาเป็นสัตว์เลี้ยง และนั่นก็นำมาสู่การก่อรัฐประหารของเหล่าวานรในเวลาต่อมานั่นเองครับ)
สรุปว่า หนังทำได้ดีครับ ผมว่า สาระของหนังยังครบถ้วนอยู่
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Drama, Sci-Fi