ภาพยนตร์คุณภาพอีกเรื่องที่ได้นักแสดงโคตรเก่งอย่าง Al Pacino มาเล่น และเรื่องนี้พี่แกก็คว้าออสการ์ไปได้ หลังจากที่คั่วมาตั้งนาน กับบทผู้พันแฟรงค์ สเลด ชายตาบอดอารมณ์ร้ายผู้ที่ออกเดินทางไปตระเวนกรุงกับ ชาร์ลี ซิมส์ (Chris O’Donnell) เด็กหนุ่มหน้าอ่อน ที่รับงานดูแลผู้พันแฟรงค์ และขณะเดียวกันก็ต้องคอยมารองรับอารมณ์อันโคตรจะแปรปรวนของเขาด้วย
หนังจะว่าไปไม่มีอะไรเลยนะครับ เนื้อหามันเดินไปเรื่อยๆ จากที่นึงไปอีกที่นึง ซึ่งหนังจำพวกนี้ บทสนทนาต้องน่าสน การแสดงต้องถึง และสถานการณ์ต้องน่าสนใจ และมีแง่คิดที่เหมาะควร ผลงานจึงจะออกมาดีได้
และหนังเรื่องนี้ ก็ดันทำได้สุดยอดในทุกองค์ประกอบที่ผมบอกไปหมดเลยครับ
ก่อนอื่น ก่อนทุกสิ่ง ก่อนทั้งปวง ต้องยกความชอบให้กับการแสดงที่ยอดเยี่ยมจนผิดมนุษย์มนาของ ลุง Pacino ทำให้หนังน่าติดตามไปได้ตลอด เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าลุงแกจะทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมาบ้าง จะไปหาเรื่องกับชาวบ้านเมื่อไหร่ หนังทั้งเรื่องลุงแกครองได้อยู่จริงๆ ครับ นี่ถ้าไม่ได้ออสการ์ผมคงต้องทำอะไรซักอย่างถวายสำหรับการแสดงของลุงเขาน่ะ ก็แค่ โอ้ พระเจ้ายอด มันจอร์จมากๆ
แล้วพี่แกต้องมาเล่นเป็นคนตาบอด อีกนะครับ ท่าทางมันบอดจริงๆ อ้ะ และยิ่งไปกว่านั้นตามปกติพอเล่นเป็นคนตาบอด ตามันย่อมขยับไปไหนไม่ได้จริงมั้ยครับ ดังนั้นการจะแสดงอารมณ์ออกมาทางแววตานี่น่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่ลุงแกทำได้อ้ะ … ทำได้ไงอ้ะคับ ผมไม่เข้าใจอ้ะ เวลาพี่แกจะอาละวาดที ดวงตาตรงที่มันควรจะบอดดันผลุบแววบางอย่างขึ้นมา บ่งบอกอารมณ์ ทั้งๆ ที่ดูดีๆ แล้วตามันก็ไม่ได้เคลื่อนไปไหนอ้ะ เออ ทำได้ไงอ้ะ ทำได้ไงลุง จะเก่งไปไหนครับ ผมไม่เข้าใจเล้ย (555)
นอกจากการแสดงระดับ เทพเจ้าของลุง Al แล้ว Chris O’Donnell ก็เป็นอีกรายที่แสดงได้ดีมากๆ เขาแม้จะไม่เด่นเท่าลุง Al แต่ก็ไม่โดนลุงแกข่มนะครับ ตีคู่ไปได้ ซึ่งก็ต้องชมล่ะฮะ เพราะลองมาเล่นคู่กับดารารุ่นนี้แล้วไม่ถูกข่มจนหายไปนี่ แสดงว่าฝีมือเฉียบในระดับหนึ่งแล้วล่ะครับ ยิ่งฉากตีกับผู้พันช่วงท้ายๆ นี่ โคตรธรรมชาติอ้ะ น้ำตาไหลลงมา แต่แววตายังสู้อยู่แบบกลัวๆ อ้ะนะครับ ปากเปิกก็ดันสั่นจริงๆ ซะอีก
ใครดูหนังที่มีนักแสดงดีเกินไปไม่ได้ล่ะก็ อย่าดูเรื่องนี้ครับ เพราะมันโคตรเจ๋งเกินไป
ส่วนเนื้อหานั้น มันไม่มีใรหรอก แต่แค่ดูสองคนนี้แสดงก็คุ้มแล้ว และถึงไงก็ตาม ก็ต้องชมผู้กำกับ Martin Brest ด้วยล่ะครับผม เพราะแม้นักแสดงดี แต่บรรยากาศในหนังมันก็ต้องไปตามนั้นด้วย ไม่งั้นอารมณ์จะพร่อง และปรากฏว่าอารมณ์มันไปในทิศทางเดียว เลยทำให้หนังมันเสริมไปกันใหญ่เลยครับ
ผมพูดออกจะดูเว่อร์นะครับ แต่ก็เป็นการเขียนไปตามที่ผมคิดน่ะครับ ดูแล้วมันดีจริงๆ ถึงจริงๆ ก็เลยขอว่าตามนั้นไป หนังน่าติดตามอ้ะคับ เป็นหนังชีวิตที่ยอดเยี่ยมและทรงพลังมากๆ อีกเรื่องนึง สาระก็มีตลอดครับ การใช้ชีวิต การรู้จักประนีประนอมต่อผู้อื่น ตัวละครผู้พันสเลดกับชาร์สนั้น เป็นเหมือนสุดโต่งของกันและกันครับ คนนึงก็โคตรเอาตัวเองเป็นใหญ่ เอาแต่ใจและตัวเองถูกตลอด ส่วนอีกคนก็อ่อน ยอมตามชาวบ้านตลอดเวลา แต่ทั้งคู่เหมือนกันประการหนึ่ง คือ เป็นคนไม่ยอมแพ้ครับ ไม่ยอมทำอะไรที่ฝืนต่อความรู้สึกตนเอง แม้ผลมันจะเลวร้ายยังไงก็ตาม แต่ถ้าตนเองคิดแล้วว่าจะไม่ทำ ก็จะไม่ทำเด็ดขาด
เด็ดเดี่ยวแบบนี้ หมื่นทิพ ขอคารวะ
เรื่องนี้หาดูได้ครับ ยังพอเห็นอยู่ เจอแล้วดูซะครับ ผมว่าท่านต้องได้อะไรกลับไปแน่ๆ จากหนังเรื่องนี้น่ะนะครับ ออ อีกอย่าง หนังถ่ายทอดบรรยากาศสถานที่ต่างๆ ออกมาได้อย่างนิ่มนวลชวนชมสุดๆ เลยครับ ทุกสถานที่ดูมันอบอุ่นยังไงก็ไม่ทราบ ไม่รู้นะครับ ถ้าจะให้ใครซักคนมาทำหนังโรแมนติกซักเรื่อง ที่สามารถถ่ายทอดความอบอุ่นสไตล์หนังเอเซียได้ล่ะก็ ผมขอเลือกพี่ Martin Brest ครับ นี่ไม่ใช่ฟลุ๊คครับ ผมสังเกตมาหลายเรื่องแล้ว ที่เป็นงานของเขาน่ะ Beverly Hills Cop ก็ใช่ หรือ Meet Joe Black ก็ใช่เช่นกัน … แต่โปรดลืม Gigli ครับ ผมไม่แน่ใจว่าพี่แกมีเรื่องอะไรภายในกองถ่ายหรือเปล่า (แต่ก็ได้ยินมาเหมือนกัน) ผลงานเลยออกมาอีแบบนั้นน่ะนะครับ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องอบอุ่นๆ พี่แกทำได้ดีคนนึงเลยครับ และเรื่องนี้ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ก็ต้องเอาสามดาวถวายให้ลุง Al และหนังทั้งเรื่องไปครับ
(8/10)