รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

วัยอลวน 4 ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น (2005)

wai4_00

ต้องบอกก่อนเลยครับว่าผมอยากดูหนังเรื่องนี้มากๆ ตั้งแต่ตอนดูตัวอย่างแล้ว ซึ่งก็แปลกใจไม่น้อยครับ เพราะจะว่าไปหนังมันก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร และตัวผมเองก็สารภาพเลยว่าไม่ค่อยคุ้นเคยกับหนังชุด วัยอลวนเลย อีกทั้งมุขในตัวอย่างมันก็พื้นๆ นะ แต่ผมดันรู้สึกชอบลึกๆ แฮะ ไม่รู้ทำไม ผมก็เลยตั้งหน้าตั้งตาดู แล้วก็ได้ดูจนได้

เนื้อเรื่องมันก็คือ ตั้ม (ไพโรจน์ สังวริบุตร) และ โอ๋ (ลลนา สุลาวัลย์) คู่รักจากหนังชุดไตรภาค วัยอลวนอันลือลั่นเมื่อ 30 ปีก่อน บัดนี้เวลาผ่านไป อายุของทั้งคู่ก็เข้าหลัก 5 แล้วครับ พวกเขามีลูกด้วยกันสองคน คนโตเป็นผู้หญิง ชื่อ ใบตอง (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) ส่วนอีกคนเป็นลูกชาย นามว่า หนามเตย (วศิษฏ์ ผ่องโสภา) ส่วนเหตุในภาคนี้มันมาเกิดเพราะ ทั้งตั้มและโอ๋เกิดอยากจะไปเซอร์ไพร์สวันเกิดของใบตองซึ่งกำลังเรียนอยู่ ชั้นปี 4 ที่มหาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ แต่หารู้ไม่ครับว่าลูกสาวของตัวเองนั้นเช่าห้องอยู่กินกับแฟนหนุ่มที่ชื่อ ว่า วิชาญ (รังสิต ศิรนานนท์) โดยไม่ได้บอกทางบ้านเลย เอาล่ะสิครับ แล้วเรื่องมันจะเป็นไงต่อ ก็ต้องตามดูกันต่อไป

ก่อนที่ผมจะดู ผมก็ได้ไปอ่านเมนท์หนังเรื่องนี้มาบ้างแล้วนะครับ ส่วนมากก็จะบอกว่าหนังโอเค แต่ไม่ได้เด็ดดวงอะไรนัก ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดีครับ ทำให้ผมไม่คาดหวังในหนังไปในตัว และไอ้การดูโดยไม่คาดหวังนี่แหละ ที่มีส่วนทำให้ผมชอบหนังเรื่องนี้มากขึ้น

ดัง นั้น ใครที่อยากดูหนังเรื่องนี้นะครับ ไม่ต้องอ่านต่อเลยครับ กรุณาหยุดที่ย่อหน้านี้เลยนะครับ ไม่ใช่สปอยล์อะไรหรอกนะฮะ เพียงแต่ผมชอบอ้ะ และถ้าเขียนก็จะเขียนด้วยความชอบ ดังนั้นมันมีความลำเอียงบางประการแน่ ผมรู้ตัวดีครับ และการที่ผมเขียนในทำนองชื่นชมมันย่อมสร้างความคาดหวังขึ้นมา ทีนี้ถ้าดูหนังแบบตั้งความหวังมันอาจจะสนุกน้อยลงได้ ดังนั้นหากท่านอยากดูนะครับ ผมเชื่อว่าท่านไม่ผิดหวังหรอก อ้า ฟันธงลงตรงนี้เลยครับ ว่าท่านจะได้อย่างที่ต้องการแน่ๆ หนังสนุกและฮาดี เพลงเพราะ แต่ก็ไม่ถึงกับสุดยอดในแง่ของความเป็นหนังอ้ะนะครับ เอาเป็นว่าคุณไม่น่าจะผิดหวังน่ะครับ ดูเอาเพลินได้ดีแน่นอน และน่าพาพ่อแม่ไปดูด้วยครับ ท่านน่าจะสนุกไปกับหนังได้ดีเลยล่ะ

เอา ล่ะ ทีนี้ผมจะว่าตามใจผมล่ะนะครับ ใครที่ดูแล้วหรือมั่นใจว่าการอ่านเม้นท์จะไม่มีผลต่อความคาดหวังในการดูหนัง ของท่าน ก็ตามผมมาเลยครับ (นี่ผมทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของท่านล้วนๆ เลยนะเนี่ย 555)

หนังมันไม่มีอะไรแปลกก็จริงครับ แต่มันเป็นสูตรอยู่พอประมาณ นั่นคือหนังแนวครอบครัวน่ารักๆ เรื่องพ่อแม่ลูกสนุกๆ ซึ่งถ้าสูตรนี้ไม่ดีจริงก็คงไม่มีใครเอาไปทำกันบ่อยๆ หรอกว่ามั้ยล่ะฮะ ทีนี้พอสูตรมันสำเร็จชัวร์ก็อยู่ที่คนทำล่ะ ว่าจะปรุงได้ดีหรือไม่ คำตอบคือ ดีครับ แต่ยังไม่สุด

หนังได้ ฤทัยวรรณ วงศ์สิรสวัสดิ์ กำกับ ซึ่งถ้าถามว่าหนังลื่นมั้ย คำตอบคือลื่นครับ มีมุขฮาๆ แทรกเข้ามาตลอด การเดินเรื่องก็ตรงประเด็นดี การถ่ายภาพจัดว่าดีเลยล่ะครับ เพียงแต่เรื่องอารมณ์มันอาจจะยังไม่เต็มที่นัก หลายๆ ฉากสื่อได้ดีครับ เพียงแต่บางฉากก็อ่อนไปหน่อย แต่เท่าที่เป็นนี่ก็นับว่าดีในระดับหนึ่งแล้วครับ เพราะหนังมาถูกทางครับ ผมถือว่าหนังมากถูกทางมากๆ เนื้อเรื่อง จังหวะต่างๆ เพียงแต่การเร้าอารมณ์มันยังพร่องไปบ้างเท่านั้นเอง

ส่วนต่างๆ ของหนัง ผมว่ายอดทุกจุดครับ เริ่มจากดาราที่ต้องขอให้คำว่าเยี่ยมอ้ะ อาไพโรจน์กับป้าลลนาน่ารักมาก เล่นได้เข้ากันดี แต่ทีเด็ดมาอยู่ตรงดาราหน้าใหม่น่ะฮะ คะนึงนิจ ที่มาเล่นเป็นใบตองนั้น ไหลได้ตามบทมากๆ และเธอยังเข้าคู่กับ รังสิต ที่เล่นเป็นแฟนหนุ่มได้ดีมากจริงๆ ครับ สองคนนี้ ผมเชื่ออ้ะว่าเป็นแฟนกัน แววตาน่ะระดับหนึ่ง แต่ที่เยี่ยมคือการพูดจาและการแสดงออกท่าทางมันใช่อ้ะฮะ แม่งแฟนกันชัวร์

ส่วนบทของหนามเตยนั้น ก็ไม่มีอะไรมาก ผมว่ามันเป็นเพราะหนังไม่เน้นด้วยล่ะครับเลยไม่ค่อยมีบทบาทนัก อีกคนก็บทป้าอ้อ ที่ได้ จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา มารับบท ซึ่งภาคนี้ก็ยังตีกับตั้มได้ฮาดีครับ แต่ก็นั่นแหละ หนังมันจะมาเน้นที่คู่ใบตองกับวิชาญ และตั้มกับโอ๋มากกว่า บทของสองรายหลังนี้เลยน้อยไปบ้าง แต่เรื่องการแสดงผมว่าดีครับ

เพลงดีทั้งนั้นครับ องค์ประกอบของหนังผมว่าถึงฟอร์มหมด จะมีพร่องก็แค่อารมณ์หนังน่ะแหละ …

… แต่พอมานึกถึงเรื่องพร่องทางอารมณ์ ไม่ต่อเนื่องทางอารมณ์ แทนที่ดูจบแล้วผมจะไม่ชอบเพราะประเด็นดังกล่าว ผมดันกลับมองไปอีกทางหนึ่ง นั่นคือ ตัวหนังมันเดินเรื่องด้วยสไตล์หนังไทยเก่าๆ นี่หว่า

คืองี้ ครับ สไตล์หนังไทยแบบเก่าๆ เวลาเดินเรื่องมันกึ่งจะไม่ต่อเนื่องกันซะทีเดียว สังเกตนะครับ หนังไทยเก่าๆ มักจะมีลักษณะเหมือนกันอย่างนึง ตรงที่เนื้อหามันดูจะกระจัดกระจาย เดี๋ยวฉากนี้ก็ไปแวะเรื่องโน้นที แล้วฉากต่อมาก็ไปแวะอีกเรื่อง ดูแล้วมันไม่ค่อยต่อเนื่องทางอารมณ์นัก และกับเรื่องนี้ มันเดินเรื่องสไตล์นั้นครับ แม้นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หนังไม่พีคอย่างที่ควรจะเป็น แต่สำหรับผมซึ่งคุ้นเคยกับสไตล์หนังไทยเก่าๆ มันให้อารมณ์ชวนรำลึกถึงกลิ่นอายหนังไทยเก่าๆ อ้ะคับ

และยิ่งไปกว่า นั้นคือ แม้หนังมันเดินเรื่องแบบเก่าๆ ฉากอาจจะโดดไปมาจริง แต่โดยรวมๆ เมื่อดูจบแล้ว เอามานึกย้อนดีๆ จะให้ความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน มีทิศทางไปในทางเดียวกันหมดครับ จริงๆ นะอะ เนื้อหามันดูกลืนกันได้หมด มันแค่จะแหม่งตอนดูเท่านั้นเอง แต่พอดูจบ เอามาเรียงดีๆ เนื้อเรื่องมันครบถ้วนในตัวมันเอง แต่ในขณะที่หนังไทยเก่าๆ โดยมาก พอเดินเรื่องแบบนี้ ดูจบปุ๊บ มันจะให้อารมณ์กระจายครับ ความประทับใจเลยชอบหดหายประจำ จุดนี้เลยทำให้ผมออกจะชอบหนังเรื่องนี้ฮะ คือดูไป หนังมันลำดับเนื้อหา-ต่อฉากโดยให้อารมณ์หนังเก่าแบบสมัย 20 – 30 ปีก่อน แต่สรุปรวบยอดเรื่องราวได้ลงตัว ความประทับใจจะไม่ค่อยกระจายเท่าไหร่ และขณะเดียวกัน หนังก็มีเนื้อหาทันยุคกับสมัยนี้มากทีเดียว

แล้วหนังยังมีฉากตามสูตร หนังไทยเก่าๆ ครบครับ เช่น ไอ้การที่พระเอกนางเอกเข้าใจผิดแล้ววิ่งขับกันเนี่ย ตามปกติพอมีฉากแบบนี้หนังสมัยก่อนนะครับ พอพระนางตีกัน พระเอกต้องยืนพูดประมาณว่า “ฟังผมก่อน” ส่วนนางเอกก็ “ไม่ฟัง” จากนั้นไอ้พระเอกก็ยืนบื้อหาเตี่ยมันรึไงไม่ทราบ ปล่อยให้นางเอกวิ่งจากไป แต่เรื่องนี้วิ่งไล่กันเลยครับ ที่ฮาเพราะส่วนมากไอ้พวกหนุ่มสาวตอนทะเลาะกันมันจะไม่ค่อยวิ่งตามครับทั้งๆ ที่มีแรง แต่ในเรื่องนี่แก่ทั้งคู่ แรงจะหมดแหล่อยู่แล้ว เสือกวิ่ง เออ เอาเข้าไป

เรื่องสาระจัดว่าดีสำหรับหนังครอบครัวเลยครับ การที่พ่อแม่เป็นห่วงลูกเป็นเรื่องธรรมดา ฉากที่ผมประทับใจมากๆ คือ ฉากการแสดงของใบตองน่ะแหละครับ มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างต้องดูเอง แต่มันสุดยอดคับ ดูแล้วนับถืออาไพโรจน์อีกหลายกระบุงเลยล่ะ (ซึ่งของเดิมก็นับถือจนไม่รู้จะนับถือไงอยู่แล้ว เจอฉากนี้ไปอีก ผมตายครับ ตายสถานเดียว)

สรุปนะครับ หนังมีองค์ประกอบที่ดี มุขฮาก็ดี ดาราดี ส่วนเรื่องอารมณ์มันไม่พีค ซึ่งกับหนังเรื่องอื่นมันอาจจะทำให้ผมชอบน้อยลง แต่กับเรื่องนี้ มันก็ทดแทนด้วยสไตล์แบบหนังไทยเก่าๆ ครับ ผมไม่รู้ล่ะว่าผู้กำกับเจตนามั้ย แต่ผมดูแล้วมันรู้สึกเช่นนั้นก็ขอว่าตามนั้นล่ะนะครับ ส่วนฉากจบ ใครอาจจะว่าเชย แต่สำหรับผม มันลงตัวทางอารมณ์มากเลยครับ เป็นบทสรุปที่รองรับความเป็นหนังสไตล์เก่าๆ ได้อย่างดี

ตกลงว่า หนังดีมั้ย ผมว่าดีนะครับ แต่ยังไม่สุด และด้วยอารมณ์ส่วนตัว ผมชอบครับ เอาเป็นว่า ถ้าอยากดูหนังสบายๆ นะครับ เรื่องนี้เหมาะมากเลยครับ ไม่น่าจะผิดหวัง ผมกับเพื่อนนี่ดูจบแล้วเดินยิ้มออกมาเลยครับ หนังมันดูแล้วสบายใจจริงๆ

แม้จะไม่ถึงอารมณ์อย่างที่ควรจะเป็น แต่พอได้รับการชดเชยด้วยสไตล์อย่างที่ผมบอกไปนั้น หนังเรื่องนี้ก็ขึ้นแท่นมาอยู่ในใจผมได้ไม่ยากเย็นครับ

น่าดูไม่ใช่น้อย สองดาวครึ่งครับ
Star22