The Mummy Returns ภาคต่อที่ยังสานต่อความมันส์ได้อย่างครบครันกับฉากแอ๊คชั่นที่อุดมสมบูรณ์สิ้นดี Effect กระจายและตามด้วยปมที่สานต่อเรื่องราวจากภาคแรกได้อย่างน่าสนใจ
เหตุการณ์หลังจากภาคแรก 9 ปี บัดนี้ริค (Brendan Fraser) และ เอฟเวอลีน (Rachel Weisz) ได้แต่งงานกันและมีพยานรักแล้วนั่นคือ อเล็กซ์ (Freddie Boath) เด็กชายวัย 9 ขวบที่ฉลาดหัวไว (และบางทีก็โก๊ะเหมือนแม่) และครอบครัวของริคก็น่าจะมีความสุขดีอยู่หรอกครัลหากไม่มีพวกเหล่าร้ายที่นำโดย บัลตัซ ฮาเฟซ (Alun Armstrong) และ มีลา (Patricia Velasquez) ที่ได้ก่อการปลุกชีพอิมโฮเทป (Arnold Vosloo) ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งงานนี้พี่อิมของเรามีเป้าหมายจะครองโลกทั้งใบ โดยมีแผนจะปลุกกองทัพของราชันย์แมงป่อง (The Rock – Dwayne Johnson) ขึ้นมาใช้เป็นเครื่องมือ ซึ่งแน่ละครับ ริคและพรรคพวกก็ต้องกลับมารับมือกับพวกมัน
ในแง่สาระหนังภาคนี้อาจไม่ได้มีมากสักเท่าไร แต่ความมันส์นี่จัดว่ามาเยอะมาและมาเต็มมากๆ มันส์ตลอดแบบไม่มีพัก ดนตรีก็มันส์ขึ้นบิ้วอารมณ์ได้เด่นมากขึ้น (จากฝีมือของ Alan Silvestri) และผมว่าตัวละครในภาคนี้มีความลึกพอสมควร คือมันอาจไม่ได้ลึกซึ้งแบบหนังดราม่าน่ะนะครับ แต่ถ้าเทียบกับหนังแอ็กชันเอามันส์ด้วยกันแล้วล่ะก็ ตัวละครจัดว่ามีมิติพอสมควร
แล้วยอมรับเลยว่าภาคนี้ นักแสดงทุกคนทำหน้าที่ได้ดี Fraser กับ Weisz ก็ดูเหมือนคู่รักที่ผูกพันกันจริงๆ และรายหลังนี่ดูสวยกว่าภาคที่แล้วอีก, John Hannah ก็ฮากันเข้าไป แม้แต่วายร้ายอย่าง พี่อิม (Vosloo) ก็ยังมีมิติเลยครับ แม้หนังจะเอามันส์ไม่เน้นสาระก็จริง แต่ทุกฉากนักแสดงต่างก็วาดลวดลายกันได้อย่างน่าพอใจ และมันไม่ได้โอเวอร์แอ๊คด้วยนะครับ โดยเฉพาะพี่ Vosloo กับฉากในตอนท้ายที่พี่แกต้องเจอกับเรื่องเจ็บปวดที่สุดในชีวิต สีหน้าชัดเจนเลยครับว่าเขาคิดอย่างไร โดยไม่ต้องพูดออกมาซักคำ ซึ่งอะไรแบบนี้ผมค่อนข้างประทับใจเลยล่ะครับ
งาน Effect นับว่าน่าพอใจครับ และที่ต้องยอมรับคือ เป็นการใช้ CG อย่างสร้างสรรค์ คือไม่ได้แค่สักแต่ยัดๆๆๆ ความตื่นเต้นเข้ามาเท่านั้น แต่ทุกฉากทุกตอนมันมีความหมายต่อเรื่องราว เช่น ฉากปราสาทแต่ละแห่งที่พวกริคต้องตามรอยพี่อิมไป และโดยเฉพาะตอนอยู่ในป่าก่อนเข้าพีระมิดนั่น สภาพของป่า สีสดของใบไม้มันให้อารมณ์และบรรยากาศของดินแดนที่ยังไม่เคยมีใครเข้าไปถึงจริงๆ (แต่ CG ช่วงท้ายที่ราชันย์แมงป่องโผล่มานั้นก็อาจจะดูดร็อปลงไปหน่อยครับ แต่ถ้าไม่คิดมากก็พอไหวน่ะ)
ที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือหนังเดินตามกฎที่ชาญฉลาดของการทำหนังภาคต่อซักเรื่อง นั่นคือ การเอาสิ่งที่คนดูยังไม่รู้ในภาคแรกมาต่อเติมเสริมยอด ภาคนี้จึงมีรายละเอียดมากมายเลยครับ ตั้งแต่อดีตชาติของแต่ละคน รวมไปถึงตำนานราชันย์แมงป่องอีก ซึ่งผมชอบนะ คืออะไรแบบนี้มันช่วยให้ภาคแรกมีเนื้อมีความแน่นมากขึ้น และมันทำให้ต่อเนื่องทางอารมณ์ด้วย คนอื่นไม่ทราบจะเป็นเหมือนผมอย่างนี้มั้ยนะครับ แต่ผมชอบมากครับกับอะไรแบบนี้ ยิ่งเอามาดูต่อกันนี่ยิ่งสนุกครับ เพราะมันเหมือนว่าเรากำลังติดตามเรื่องเล่าแสนสนุกสักชุดหนึ่ง ที่ยิ่งติดตามก็ยิ่งมันส์ ยิ่งดูยิ่งได้รู้อะไรมากขึ้นๆ ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าหนังออกแนวแถน่ะนะครับ แต่สำหรับผมแล้ว ผมชอบจริงๆ การเพิ่มเสริมปมและมิติให้ตัวละครแบบนี้
ถือเป็นหนังผจญภัยภาคต่อที่ทำได้ดีครับ ทุกส่วนลงตัวมากๆ ดาราเวิร์ก เนื้อเรื่องมันส์ CG ช่วยเสริมความตื่นเต้น ดนตรีก็ยังบิ้วอารมณ์ได้อย่างดี Stephen Sommers คุมหนังเรื่องนี้ได้เจ๋งดีครับ ส่วนรายได้ก็สวยงามตามท้องเรื่อง ทุนสร้างประมาณ $98 ล้าน ทำเงินทั่วโลกไป $443 ล้าน กำไรชัดเจนครับ
สรุปว่ามันส์ มันส์ และมันส์ครับ หนังเรื่องนี้คอหนังแอ็กชันผจญภัยไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
สองดาวครึ่งกว่าๆ บวกๆ อีกแล้ว