ครั้งนี้แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Daniel Radcliffe) ต้องมาพบกับความลับสุดสะพรึงในโรงเรียนของเขาเอง เมื่อห้องแห่งความลับ สถานที่ที่ว่ากันว่ามีสิ่งชั่วร้ายทรงพลังอาศัยอยู่ และหากมันถูกเปิดออก มันจะไล่ฆ่านักเรียนที่มีสายเลือดมักเกิ้ลทุกคน แฮร์รี่เลยต้องยับยั้งก่อนที่จะมีคนตายขึ้นมา
ผมชอบภาคนี้มากกว่าภาคที่แล้วอีกครับ กับเรื่องราวที่ชวนติดตามขึ้น ความตื่นเต้นและการทิ้งปมที่น่าสนใจ รวมไปถึงฉากการเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่ในห้องแห่งความลับก็ทำออกมาได้อย่าง ดี ทั้งตื่นเต้นและมันส์ ดนตรีก็พริ้วมากขึ้น เพราะได้ William Ross มาร่วมงานกับ John Williams เจ้าเก่าจากภาคแรก งานจึงออกมาอลังการและพริ้วมากขึ้นก็เพราะ Ross รายนี้ก็เป็นคอมโพเซอร์จอมพริ้มอีกคนหนึ่งของวงการเลยทีเดียว โดยเฉพาะเพลงของฟีนิกซ์นั่น
สำหรับดาราหน้าใหม่ที่โผล่เข้ามาร่วม ขบวนในภาคนี้คนที่แจ๋วๆ ก็คือ Jason Isaacs ในบทลูเซียส มัลฟอย พ่อของเดรโก้ ที่พี่แกชั่วร้ายได้อย่างเฉียบคม และมันใช่เลยอ้ะคับ ต้องแบบนี้เลย ในขณะที่ Kenneth Branagh ที่มาเล่นเป็นกิลเดอรอย ล็อคฮาร์ท นั้น แม้จะไม่เลว แต่บอกตรงๆว่า ถ้าได้ Hugh Grant มาเล่นจะดีกว่านี้มากครับ เพราะบุคลิกแบบนี้ มันต้อง พี่ Hugh คนเดียวเท่านั้น ไอ้ประเภทหลงตัวเองอะไรเนี่ย มันต้องเอาแววตาของ Hugh มาใส่และสำเนียงอังกฤษ มันต้องแบบนั้นน่ะ นี่ก็เสียดายอยู่นิดนึงนะครับ อีกคนที่เล่นได้ดีก็ Christian Coulson ในบททอม ริดเดิ้ล บุรุษปริศนาที่มาพร้อมบันทึกลึกลับ เอาแค่สำเนียงของพี่แกนี่ก็เต็มที่แล้วครับ ให้อารมณ์มากจริงๆ ทั้งเข้ม หล่อ และแฝงพลังบางอย่าง ครบถ้วนเลยทีเดียว
Effect อะไรก็เลิกพูดได้เลยครับ ดีเนี๊ยบเฉียบนิ้ง การเดินเรื่องก็ฉับไวได้ใจดี แต่ก็ตามเคยครับ ที่ความลึกของตัวละครมันจะไม่ค่อยเท่าไหร่ ถ้าลึกนะครับ จะสุดยอดมากๆ เพราะตัวหนังเองมันมันส์อยู่แล้วอ้ะครับ แต่เอาเหอะ ได้แค่นี้ก็แค่นี้ครับ มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร แค่หนังไม่สุดๆ เท่านั้นเอง แต่แค่นี้ก็น่าพอใจแล้วครับ
น้อง Emma Watson ก็น่ารักตามเคยกับบทเฮอร์ไมโอนี่ และ Rupert Grint ก็ถือว่าลงตัวและเด่นขึ้นมากในบทของรอน ที่เรียกเสียงฮาได้เรื่อยๆ เลยครับ ยิ่งไอ้หน้าตอนที่เขาอ้วกทากนี่ ฮามากจริงๆ ในขณะที่ Radcliffe ก็ดีขึ้นเช่นกัน แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าสองคนแรกนั่นน่ะครับ และ อะฮึครับอะฮึ Bonnie Wright ที่มาเล่นเป็น จีนนี่ย์ น้องสาวคนเล็กของรอนนั่นน่ารักโคตรๆ ครับ อนาคตผมว่าไกลเลยนะ ท่าจะน่ารักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ น่ะครับ และหน้าเธอก็มีเค้าของ Grint มากๆ ด้วย ถือว่าเลือกตัวแสดงมาได้ดีล่ะครับ
ภาคนี้เนื้อหาสาระจากนิยายส่วน มากก็ค่อนข้างครบนะครับ (เรื่องที่งานเลี้ยงของนิคหัวเกือบขาดโดนตัดออกไปนั้น ผมว่าก็ไม่น่าแปลกน่ะครับ เพราะมันไม่ได้เอื้อกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่เลย) นอกจากนี้ประเด็นที่ผมชอบมากคือ เรื่องการเหยียดเผ่าพันธุ์ ณ.ที่นี้พวกมั้กเกิ้ลก็เปรียบได้กับชาวยิวสำหรับนาซี หรือนิโกรสำหรับคนขาว ก็น่าคิดครับที่มีการแบ่งแยกแบบนี้ ซึ่งก็ดีใจที่แนวคิดนี้ถูกแทรกเข้ามา เหมือนสอดแทรกมาให้เด็กได้คิดได้รู้ว่าทำแบบนี้มันไม่น่ารักเลย (เพราะว่าตามจริการที่เด็กโตขึ้นกลายเป็นคนเหยียดผิวมันก็เนื่องมาจาก สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูนั่นแหละครับ ดังนั้นถ้าจะแก้ มันต้องแก้ที่ต้นตอ นั่นคือตรงพ่อแม่พี่น้องที่ถ่ายทอดความคิดแบบนี้นี่แหละ)
เรียกได้ว่าภาคนี้ครบทั้งการผจญภัย สาระ ACTION และปมให้ติดตามครบรสดีแท้
ก็ถ้าสนุกกับภาคแรกก็น่าจะสนุกกับภาคสองครับ หนังแนวผจญภัยแบบนี้ถือว่าทำได้ดีและน่าพอใจมากเลยล่ะครับ แต่จุดด้อยบางประการก็คือ การที่หนังมันเดินเรื่องเร็วก็จริง แต่มันมีความเป็นหนังสือมากไป เข้าใจมั้ยฮะ คือมันออกมาในเชิงเล่าเรื่องมากเกินไปหน่อย ประเด็นเดียวกับที่ผมเคยบอกใน Excalibur น่ะแหละ คือมันเมื่อมันเล่าเรื่องมา เราก็ได้ทราบเนื้อเรื่องนะครับ แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังอ้ะ เรื่องการเร้าอารมณ์มันก็จะช่วยให้คนดูคล้อยตามและมันก็จำเป็นไม่ใช่น้อย แต่กับใน Harry ทั้งสองภาคนี่มันออกจะคล้ายๆ กันครับ ตรงที่หนังมันจะเอาแต่เล่าเรื่องๆ แต่ไม่ได้เดินเรื่องซักเท่าไหร่ การเล่ามันแค่รู้ครับ แต่ถ้าเดินเรื่อง มันก็คือการไปด้วยกันทั้งเนื้อหาและอารมณ์ และการทำหนังมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นครับ
อย่างที่บอก ถ้าครบถ้วนในทุกด้าน ต้องยอดมากกว่านี้แน่ เพราะเนื้อมันแน่นอยู่แล้วน่ะ
สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ
หมวดหมู่:Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Fantasy