รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

K-19: The Widowmaker (2002) ลึกมฤตยู นิวเคลียร์ล้างโลก

B00005JLGJ.01.LZZZZZZZ

Kathryn Bigelow เป็นผู้กำกับหญิงเหล็กอีกคนของวงการครับ เธอทำแต่ละเรื่องก็ล้วนแต่บู๊กระหน่ำหรือไม่ก็มืดทะมึนทั้งนั้น (Stange Day, Point Break, The Hurt Locker) ในครั้งนี้แม้หนังจะไม่ได้โหดหรือบู๊อะไรมาก แต่ก็ยังเครียดอยู่ดีครับ กับเหตุการณ์ในเรือดำน้ำ ที่ได้แรงบันดาลใจมากจากเรื่องจริง

K-19 คือชื่อเรือดำน้ำของรัสเซียที่มีสภาพโทรมและอาวุธทั้งหลายในเรือก็ไม่พร้อมซักอย่าง แต่ถึงกระนั้นทางผู้นำของสหภาพโซเวียตก็ต้องการให้นำเอา K-19 ออกสู่มหาสมุทรเพื่อทดลองยิงขีปนาวุธ ทว่ากัปตันมิคาเอล โพเลนิน (Liam Neeson) กลับปฏิเสธและยืนยันว่า K-19 ยังไม่พร้อม จึงทำให้กัปตันอเล็กไซ ออสตริคอฟ (Harrison Ford) ถูกตามตัวมาเป็นผู้นำเรือดำน้ำแทน

แล้วในที่สุด K-19 ก็ออกเดินทางครับ แต่ก็อย่างที่บอกว่าสภาพเรือมันไม่พร้อม และปัญหาสำคัญที่สุดก็คือเตาปฏิกรณ์ปรมาณูในเรือมันพร้อมจะระเบิดทุกเมื่อทุกเวลา

บางคนดูแล้วก็ไม่เข้าใจว่า เรือโคตรโทรม อุปกรณ์ก็ไม่ครบ เตานิวเคลียร์ก็มีปัญหา มิหนำซ้ำก่อนการออกเรือก็มีลางร้ายสารพัด ไม่ว่าจะการขว้างขวดเอาฤกษ์เอาชัย แต่ขวดดันไม่แตก หมอประจำเรือก็มาเจออุบัติเหตุ ลางสารพัดขนาดนี้ถ้าชาวเรือขนานแท้คงต้องถอยล่ะครับ แต่ก็พอเข้าใจว่าทางโซเวียตในยุคสงครามเย็นค่อนข้างหยิ่งในศักดิ์ศรี ทุกอย่างต้องตามคำสั่งทุกกระเบียดนิ้วและที่สำคัญคือ หากผู้บังคับบัญชาสั่งการแล้ว ลูกน้องต้องทำตาม ใครไม่ทำต้องเจอบทลงโทษเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

หนังเครียดครับ เข้มตลอด ฝีมือการแสดงของ Ford และ Neeson ก็ยอดทั้งคู่ เชือดเฉือนกันตลอด ดาราคนอื่นก็ดีครับ บทก็น่าติดตาม งาน Effect ไม่ค่อยมีครับ เพราะส่วนมากมันก็แค่วิ่งกันใต้เรือนั่นแหละ แอ๊คชั่นก็ไม่ค่อยมี ไม่เหมือน U-571 ครับที่มันยิงกันทั้งเรื่อง แต่ K-19 ไม่ได้ไปยิงกับใครเลย มีแต่วิ่งไล่แก้สถานการณ์เท่านั้น แต่ตรงนี้ก็จัดว่าสนุกเอาเรื่องนะครับ เพราะปัญหามันหนักระดับความเป็นความตายทั้งสิ้น ก็ลุ้นพอตัวครับ ดูแล้วเหนื่อยเลยเหมือนกัน

k-19-le-piege-des-profon-ii10-g

แต่หนังไม่ประสบความสำเร็จครับ ลงทุนราว $100 ล้าน ได้ในอเมริกาไปเพียง $35 ล้าน หากรวมทั่วโลกก็เพิ่งจะ $65 ล้านเท่านั้น ขาดทุนชัดเจนครับ เป็นอะไรที่น่าเสียดายเหมือนกัน

หนังเริ่ม และจบได้ดีครับ ช่วงกลางก็ดี สรุปว่าดีหมดแหละ (ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะพล่ามให้ยาวทำไม 555) ตอนจบนั้นหนังได้บอกถึงจุดที่น่าคิดสุดๆ อย่างนึง นั่นคือ K-19 มีเตานิวเคลียร์ที่พร้อมจะตูมได้ทุกเมื่อ แล้วปัญหามันจะเกิดหากไปตูมกลางทะเลครับ ไอ้ตูมอย่างเดียวก็แย่พอแล้ว แต่ขืนไประเบิดใกล้ๆ เรือของอเมริกันล่ะก็ ได้เกิดสงครามโลกแน่นอน นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เหล่าลูกเรือ K-19 ช่วยกันซ่อมเตานี่แบบสุดชีวิตเพื่อกันไม่ให้เรือระเบิดและกันไม่ให้เกิดสงครามด้วย

มาถึงตอนท้ายหนังก็ได้พูดถึงการขอให้บุคคลทั้งหลายที่ต้องมาเสียสละชีพไปในเหตุการณ์นี้ ได้เป็นวีรบุรุษของชาติ แต่ปรากฎว่าทางการปฏิเสธครับ ด้วยเหตุผลว่าเหตุที่เกิดนั้นไม่ได้อยู่ในช่วงสงคราม พวกเขาก็ไม่่ได้ตายเพราะสงคราม ดังนั้นพวกเขาจึงหาใช่วีรบุรุษสงครามไม่

ก็จริงที่พวกเขาไม่ได้ตายในสงคราม แต่พวกเขาตายเพื่อช่วยไม่ให้เกิดสงคราม… แบบนี้ทรงเกียรติพอหรือไม่ โปรดลองเอาไปคิดกันเล่นๆ ดูครับ

สรุปว่าคนที่ชอบหนังเรือดำน้ำเข้มข้นแบบ Crimson Tide หรือ The Hunt For Red October ก็ไม่ควรพลาดครับ เพื่องนี้จัดว่าเข้มข้นคุ้มค่าแก่การดูมากๆ เลยทีเดียว และที่ลืมไม่ได้คือดนตรีจากฝีมือของ Klaus Badelt ที่เพิ่มความเข้มข้นได้อีกหลายกอง

สองดาวครึ่งกว่าๆ บวกๆ ครับ

Star22(7/10)