ภาคนี้ซูเปอร์แมน (Christopher Reeve) ต้องพบกับ เล็กซ์ ลูธอร์ (Gene Hackman) อีกครั้ง ซึ่งงานนี้ลูธอร์เตรียมพร้อมครับ นอกจากจะวางแผนชั่วแล้ว ยังมีผู้ช่วยอย่าง มนุษย์นิวเคลียร์ (Mark Pillow) ซึ่งมีพลังเทียบเท่าซูเปอร์แมนอีกด้วย ศึกหนักพอสมควรล่ะครับ
แต่ตัวหนังมัน … ไม่ค่อยไหวเลยนะครับ พล็อตอ่อนมาก กลายเป็นหนังการ์ตูนต๊องๆไปเลย และแม้หนังจะสั้นที่สุดใน 4 ภาคก็ตาม (ยาวแค่ 90 นาที) แต่กลับน่าเบื่อและไร้ความแปลกใหม่ยิ่งกว่าภาคใดๆ ทั้งๆ ที่มันทำท่าจะมีอะไรอยู่แต่ก็เปล่า
ถ้าถามว่าทำไมเป็นเช่นนั้น ก็พอจะมีคำตอบครับ เพราะนี่ถือเป็นหนัง Superman ตอนที่มีปัญหาเยอะสุดๆ เลย เริ่มจากตอนแรกหนังได้ติดต่อ Richard Donner ผู้กำกับภาคแรกที่โดนไล่ออกไปนั่นให้กลับมารับงาน แต่เขาก็ไม่กลับมาครับ (ก็ไปไล่เขาออกนี่หว่า) แล้วก็มีการไปติดต่อให้ Richard Lester ผู้กำกับภาค 3 (และมีชื่อเครดิตกำกับในภาค 2) มากำกับที แต่พี่แกก็ไม่เอาอีก ก็ใช้เวลานานล่ะคับกว่าจะได้ผู้กำกับมา ซึ่งก็คือ Sidney J. Furie ซึ่งก็เป็นผู้กำกับที่ดังในระดับปานกลาง
แต่ปัญหาที่หนักสุดก็คือ บริษัท Cannon Group กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างแรง ต้องตัดทุนสร้างจาก 36 ล้านลงมาเป็น 17 ล้าน ทำให้พล็อตที่อุตส่าห์เขียนไว้ซะอลังการต้องโดนตัดออกหมดเลยครับ
และนอกจากนี้จริงๆ แล้วมนุษย์นิวเคลียร์ที่เราเห็นกันนั้นมันต้องมี 2 ตัวครับ แต่ก็จำกัดด้วยงบน่ะ เลยทำได้แค่เนี่ย ที่เราเห็นในหนังนั่นคือมนุษย์นิวเคลียร์ตัวที่สองครับ ส่วนตัวแรกนั่นว่ากันว่าผิวดำมีการถ่ายไปแล้วด้วย แต่ก็โดนตัดออกไป โดยเขาตั้งใจจะให้ไปโผล่ใน Superman ภาค 5 แทน (ซึ่งก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้วล่ะครับ)
ก็นั่นแหละครับ สาเหตุสำคัญที่หนังออกมาไม่ดีนักก็เพราะทุนจำกัดน่ะแหละ ผลเลยออกมาขาดๆ เกินๆ ขนาดนี้ ก็น่าเเห็นใจครับ แต่ก็ต้องว่ากันตามจริงล่ะ ว่าหนังธรรมดาไม่น่าติดตามเท่าไหร่ ออกจะน่าผิดหวังครับ ไม่ดูก็ไม่เสียดาย นี่ว่ากันตรงๆ เลยนะครับ
ไม่ถึงสองดาวหรอกครับ
หมวดหมู่:Action, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Superheroes