แล้วฮีโร่ที่โด่งดังที่สุดของ Marvel ก็ได้ขึ้นจอใหญ่ เขาคือ Spider-Man ที่รากฏตัวในปี 1962 และดังสุดๆ ซึ่ง Stan Lee คือผู้คิดตัวละครนี้ขึ้นมา และ Jack Kirby ก็เป็นคนวาด แต่ทว่า Stan Lee เห็นว่าลายเส้นที่ Kirby วาดนั้นดูดีเกินไป และสง่าเกินไปสำหรับไอ้แมงมุม ซึ่ง Lee กะจะให้ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ อาภัพพอๆกับ บรูซ แบนเนอร์ แห่ง The Incredible Hulk เลยเปลี่ยนให้ Steve Ditko วาดแทน
สำหรับฉบับหนังก็ได้ Sam Raimi กำกับ เรื่องก็เป็นการเริ่มต้นการเป็นฮีโร่ของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ (Tobey Maguire) เด็กหนุ่มจอมหงอที่โดนแมงมุมกัดเข้าให้ เลยมีพลังดุจแมงมุม ไม่ว่าจะการปีนป่ายหรือการพ่นใย นอกจากนี้ปีเตอร์ยังแอบชอบ แมรี่ เจน วัตสัน (Kirsten Dunst) เพื่อนบ้านสาวสวย และเขาก็ยังมีเพื่อนสนิทอย่าง แฮร์รี่ ออสบอร์น (James Franco) ลูกชายของนอร์แมน ออสบอร์น (Willem Dafoe) ผู้ซึ่งจะกลายมาเป็น กรีน ก๊อบลิน ศัตรูตัวฉกาจของเขาในเวลาต่อมา
หนังทำได้ถึงและสมบูรณ์พร้อมครับ ดนตรีโดย Danny Elfman นั้นก็สุดยอดจะเจ๋งเป้ง การแสดงของทุกคนล้วนถึงขีด งานด้าน Effect ก็โดนทุกดอก ฉากการโหนของไอ้แมงมุมก็ยอดเอามากๆ การเดินเรื่องก็ฉับไว ไม่มีเบื่อ มันส์มาก ตัวละครก็มีมิติ โดยเฉพาะตัวปีเตอร์ ที่อาภัพจริงๆครับ อย่างที่เขาบอกไว้ พรสวรรรค์ที่เขามี เป็นทั้งของขวัญและคำสาปในเวลาเดียวกัน เหมือนกับเป็นการบอกว่า ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาเปล่าๆหรอกครับ มันต้องมีอะไรบางอย่างแลกไป ซึ่งในเรื่องนี้สิ่งที่ปีเตอร์ต้องแลกไปคือ ความสุขแบบคนปกติที่เขาพึงมี
ผลที่ได้ออกมาก็นับว่ายอดเยี่ยมและสนุกสุดๆ ยังไงก็ไม่น่าพลาดล่ะครับ สำหรับหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่
เอาล่ะ สรุปว่าหนังเยี่ยมครับ
สามดาวเต็ม
(8/10)
เขียนเพิ่มเติมวันที่ 28 ธันวาคม 2564
ผมยังจำความรู้สึกตัวเองตอนเห็นตัวอย่าง Spider-Man ภาคแรกเป็นครั้งแรกได้ครับ
มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ สำหรับสมัยนั้น เพราะยุคนั้นหนังที่สร้างจากการ์ตูนของ Marvel ยังอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มต้น ตอนนั้นเพิ่งจะมี Blade ออกมา 2 ภาค, X-Men เพิ่งมีแค่ภาคเดียว ส่วนทางฟาก DC อย่าง Batman ก็จอดไปกับภาค Batman & Robin – ภาค Begins ก็ยังไม่เริ่ม
ดังนั้นสิ่งที่ผมเห็นในตัวอย่าง Spider-Man ตอนนั้น จึงเป็นอะไรที่ตื่นตาและน่าดูแบบสุดๆ ครั้นพอได้ดูจริงๆ ก็ประทับใจเลยครับ หนังออกมายิ่งใหญ่ สนุกถึงฟอร์มเป็นอย่างยิ่ง
ผ่านไปเกือบ 20 ปี เมื่อผมเอา Spider-Man ภาคแรกมาดูอีกครั้ง ความประทับใจก็ยังอยู่ครับ โอเค มันอาจไม่ถึงกับ “โอ้ว ว้าว” แบบสมัยดูรอบแรก แต่ความรู้สึกชื่นชอบก็ยังคงอยู่
Sam Raimi ทำหน้าที่กำกับได้อย่างยอดเยี่ยม การเล่าเรื่องถือว่ารวดเร็วและน่าติดตาม เทคนิคพิเศษต่างๆ ก็ถือว่าน่าพอใจมากๆ สำหรับยุคนั้น การถ่ายภาพ สีสันในเรื่อง ทุกอย่างดูสมส่วนกลมกล่อม รสชาติอร่อยกำลังดี ฉากโหนใยไต่ตึกของสไปเดอร์แมนสร้างออกมาได้อย่างตื่นตา หรือเวลาสไปดี้ซัดกับก็อบลินก็ราวกับว่าฉากต่อสู้ในคอมมิคออกมามีชีวิตโลดแล่นได้จริงๆ
Tobey Maguire คือสไปเดอร์แมน, Kirsten Dunst คือแมรี่ เจน วัตสัน, Willem Dafoe คือนอร์แมน ออสบอร์น ที่กลายเป็นกรีน ก็อบลิน, James Franco คือแฮร์รี่ ออสบอร์น, Cliff Robertson คือ เบน ปาร์กเกอร์ ผู้มาพร้อมคำคมอมตะ “พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง”, Rosemary Harris คือ ป้าเมย์ และ J.K. Simmons คือหนึ่งเดียวคนนี้ คุณเจมิสัน ทุกคนมาพร้อมคาแรคเตอร์เหมาะเหม็งชนิดที่ผ่านไป 20 ปีก็ยังจำได้
ดนตรีของ Danny Elfman ก็ทรงพลังครับ โดยเฉพาะเพลงธีมที่หากได้ฟังสักครั้งแล้ว ในเวลาต่อมาเพียงแค่ได้ยินโน้ตไม่กี่ตัวแรก เราก็จะนึกถึงไอ้แมงมุมทุกครั้งไป
จุดที่ชอบอีกอย่างก็หนีไม่พ้นความมีเลือดมีเนื้อของแต่ละตัวละครครับ หนังทำให้เราตื่นเต้นไปกับปีเตอร์เมื่อเขาได้พลังแมงมุม, สลดใจทันทีเมื่อเห็นลุงเบนโดนยิง, ลุ้นให้ปีเตอร์กับแมรี่ เจน ได้สมหวังกัน, ใจหนึ่งก็เห็นใจนอร์แมนที่โดนโลกกระทำ บีบคั้นจนกลายเป็นบ้าคลั่ง. เป็นห่วงป้าเมย์ที่ต้องใช้ชีวิตโดยไร้ลุงเบน, แอบสงสารแฮร์รี่ ที่ดูเหมือนทุกคนรอบตัวจะมีความลับต่อเขาทั้งสิ้น และตระหนักว่าพลังอันยื่งใหญ่ของปีเตอร์ ในมุมหนึ่งก็เป็นดั่งคำสาปสำหรับชีวิตของเขา
หนังไม่เพียงแต่เป็นหลักไมล์สำคัญของ Spider-Man แต่ยังถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Marvel เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น
ความสำเร็จของหนังนับว่าสวยงามสุดๆ ลงทุนประมาณ $139 ล้าน ทำเงินในอเมริกา $407 ล้าน ถ้าจะรวมทั่วโลกก็ $825 ล้าน ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หนังสร้างสถิติเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำเงินเข้าป้ายร้อยล้านตั้งแต่สัปดาห์เปิดตัว
ส่งท้ายด้วยเกร็ดเล็กๆ จากหนังครับ
+ นี่คือหนัง Marvel เรื่องแรกที่มาพร้อมโลโก้เปิดหัว Marvel เป็นภาพกระดาษพลิกเร็วๆ
+ ตอนแรก Hugh Jackman จะมารับเชิญในบทวูลฟ์เวอรีน แต่แผนก็ล่มไปในที่สุด
+ นอกจากนี้ Stan Lee อยากแสดงเป็นคุณเจมิสันเองถึงขนาดขอเข้าออดิชั่น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บทครับ ในเวลาต่อมาเขาก็ ยกนิ้วให้กับการแสดงของ J.K. Simmons ที่เหมาะกับบทนี้มากจริงๆ
+ และ Stan Lee ออกมาเปิดเผยว่าช่วงยุค 90 Michael Jackson อยากจะมาแสดงเป็นสไปเดอร์แมน และคนที่เขาเห็นว่าเหมาะที่สุดที่จะมาเล่นบทนี้ คือ John Cusack
+ รายชื่อผู้กำกับที่สตูดิโออยากให้มากำกับคือ Tim Burton, Chris Columbus, Tony Scott, Jan de Bont, James Cameron, Roland Emmerich, Ang Lee, David Fincher และ M. Night Shyamalan แต่พอสตูดิโอรู้ว่า Raimi เป็นแฟนสไปเดอร์แมนตัวจริง (และยังเป็นนักสะสมคอมมิคตัวยง) เขาก็ถูกเลือกให้มากำกับครับ
+ ก่อนที่ Dafoe จะมาแสดงเป็นนอร์แมน ตัวเลือกดาราที่จะมารับบทก็คือ Nicolas Cage, John Malkovich, Mel Gibson, John Travolta, Brad Dourif, Robert De Niro และ Bill Paxton ซึ่งรายหลังก็เกือบๆ จะได้รับบท แต่ Raimi เห็นว่า Dafoe เหมาะกับบทมากกว่า จึงตัดสินใจเลือก Dafoe แต่กระนั้น John Paxton (พ่อของ Bill Paxton) ก็ได้รับเลือกให้มาแสดงเป็นพ่อบ้านตระกูลออสบอร์น (ซึ่งได้ปรากฏตัวทั้ง 3 ภาคครับ)
ดูกี่ทีก็ยังประทับใจ ดีใจที่ได้ดูในโรงครับ – My Friendly Neighborhood Spider-Man
หมวดหมู่:Action, Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, หนังแนะนำ Recommended, Drama, Superheroes