รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Pet Sematary (1989) กลับจากป่าช้า

B00004W5UF.01.LZZZZZZZ

กาลครั้งหนึ่ง Stephen King เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า นิยายของเขาที่ทำให้เขารู้สึกกลัวได้มากที่สุด ก็คือ Pet Sematary ครับ

Pet Sematary ว่าด้วยเรื่องของครอบครัวครี้ดที่ย้ายเข้ามายังบ้านใหม่ ซึ่งคนในครอบครัวก็มี หลุยส์ (Dale Midkiff), ภรรยาของเขา ราเชล (Denise Crosby) และลูกอีก 2 คน คือ เอลลี่ (Blaze Berdahl) และ เกจ (Miko Hughes) พวกเขาได้พบกับเพื่อนบ้านใจดีอย่าง จัดด์ แครนดอล (Fred Gwynne) ซึ่งพาทัวร์รอบๆ บริเวณนั้น และได้พาครอบครัวครี้ดให้ไปรู้จักกับ “ป่าช้าสัตว์” ที่ซึ่งคนแถวนั้นจะนำสัตว์เลี้ยงที่ตายไปแล้วมาฝังไว้

แต่เบื้องหลังของป่าช้าแห่งนี้ ยังมีสิ่งเลวร้ายซ่อนอยู่อีก เพราะว่ากันว่า หลังป่าช้าแห่งนี้ ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถปลุกชีพสิ่งที่ตายไปแล้วได้ และแน่ล่ะครับว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งคนในครอบครัวครี้ดก็ลองใช้สถานที่แห่งนั้น โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ความสยองอันสุดสะพรึงกำลังจะเกิดขึ้น

หนังเรื่องนี้จัดได้ว่า สยองอย่างมีระดับครับ เพราะมีความแน่นหนาของบท และ King ก็ดัดแปลงนิยายเป็นบทหนังด้วยตนเองเลย ผู้กำกับ Mary Lambert ก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ เรื่องราวอาจมีอืดบ้างในช่วงแรกๆ แต่หากดูโดยรวมแล้ว หนังถือว่าน่าติดตามและถึงใจมากทีเดียว ความสยองก็มากอยู่ ยิ่งช่วงท้ายนี่ลุ้นกันมันส์เลยล่ะครับ บรรยากาศนี่โคตรสยองชวนขนลุก บางฉากก็มีการใช้แสงสีเขียวมาเพิ่มบรรยากาศให้ฉากนั้นๆ ดูหลอนยิ่งขึ้น ซึ่งก็ได้ผลครับ ฉากนั้นๆ จะดูชวนผวาและน่ากลัวขึ้นมาในบัดดล

เกร็ดที่น่ารู้เกี่ยวกับหนังก็คือ หนังที่ถูกตัดออกมาฉบับแรกนั้น ทางผู้สร้างมองว่าหนังยาวไปครับ เลยมีการเล็มบางฉากออก แล้วนอกจากนี้ฉากจบเดิมจะค่อนข้างเศร้าและมีความกินใจลึกๆ เจืออยู่ (กล่าวคือจะไม่เน้นสยองมากนัก) แต่หลังจากฉายรอบทดลองแล้วทุกฝ่ายก็เห็นตรงกันว่า ตอนจบควรจะเป็นอีกแบบ แล้วหนังก็เลยจบแบบที่เราได้เห็นในหนังนั่นเอง (แบบไหนต้องไปชมเองครับ)

เกร็ดต่อมาคือโลเคชั่นที่ใช้ถ่ายทำนั้น King เป็นคนเสนอเองครับ ซึ่งพื้นที่ที่ว่านั่นอยู่ห่างจากบ้านของ King ราวๆ 20 นาทีเท่านั้นเอง

ส่วนคนที่จะมารับบทหลุยส์นั้น ตอนแรกคือ Bruce Campbell (The Evil Dead) ครับ แต่สุดท้ายก็มาเป็น Midkiff ซึ่งก็ถือว่าแสดงได้พอเหมาะอยู่ ส่วนบทเกจนั้นก็มีการคัดตัวอยู่พอสมควร จน Lambert ได้เจอ Miko Hughes และเธอประทับใจเด็กคนนี้มากๆ จนบอกกับผู้สร้างเลยว่า Hughes ต้องได้บทนี้ไป และบทจัดด์นั้น Lambert ประกาศเลยว่าคนแรกและคนเดียวที่เธออยากให้มาแสดงบทนี้คือ Gwynne นั่นเอง

ส่วนผู้กำกับนั้นตอนแรกจะได้ George A. Romero (Night of the Living Dead) มากำกับครับ แต่พอดีว่าตอนนั้นการถ่ายทำเกิดความล่าช้า กว่าจะเปิดกล้อง Romero ก็โดดไปทำเรื่อง Monkey Shines แทนแล้ว – คนต่อมาที่ได้รับการทาบทามก็คือ Tom Savini แต่รายนี้ก็บอกปัดไป สุดท้าย Lambert เลยได้โอกาสมากำกับครับ

ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างสวยงามครับ ทำเงินกว่า $57 ล้าน จากทุนเพียง $11.5 ล้านเท่านั้น กำไรงดงามจนมีการคิดทำภาคต่อน่ะครับ

ถือเป็นอีกหนึ่งหนังที่ดัดแปลงจากนิยายของ King ที่ทำได้น่าจดจำ ช่วงดราม่าอาจยังไม่ถึงกับยอดเยี่ยม แต่ช่วงครึ่งหลังที่เน้นความสยองนั้นถือว่าทำได้ดีครับ น่ากลัว สยอง ชวนขนลุกดีจริงๆ

ส่วนสาระสำคัญของหนังและนิยายก็คือ ความตายเป็นเรื่องหนีไม่พ้น มนุษย์จึงควรทำใจยอมรับเมื่อเผชิญความสูญเสีย… แต่ใครเล่าจะทำใจได้ง่ายปานนั้น?

สยองและมีสาระ สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)

Untitled04420