57 ปีหลังจากคราวก่อนเอลเลน ริปลี่ย์ (Sigourney Weaver) รอดชีวิตมาจากเจ้าเอเลี่ยน เธอได้รับการช่วยเหลือจากสถานีอวกาศที่โลก เธอพยายามบอกกับทุกคนว่ามีสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจอยู่ที่ดาวดวงหนึ่ง แต่ปรากฎว่าดาวดวงที่พวกริปลี่ย์ร่อนลงแล้วมีเรื่องนั่นน่ะ ปัจจุบันมีมนุษย์ไปตั้งรกรากอยู่อาศัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่มีการเจอร่องรอยใดๆที่เกี่ยวกับตัวเอเลี่ยนด้วย

แต่แล้วไม่นาน ที่ริปลี่ย์กลัวก็เป็นจริง เมื่อจู่ๆคนบนดาวดวงนั้นก็เกิดขาดการติดต่อไป ทุกคนเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแล้ว จึงได้ส่งทีมทหารพร้อมด้วยริปลี่ย์เดินทางไปยังดาวดวงนั้น เพื่อปฏิบัติการกู้ภัย และคราวนี้ริปลี่ย์ไม่ได้ไปเจอกับเอเลี่ยนแค่ 1 ครับ แต่เจอเป็นร้อย งานนี้จึงกลายเป็นสงครามไปเลยทีเดียว

คอแอ๊คชั่น ครับ เรื่องนี้เอาไปดูได้เลย ผมว่าเข้าทางพวกคุณแล้วนะ ช่วงต้นๆก็เรื่อยๆครับ แต่มาตอนที่เอเลี่ยนโผล่นี่ก็ตีกันไม่ต้องพักเลยล่ะ แถมงานนี้มากันเพียบ ฉากบู๊และ Effect ก็ถึงใจ ดนตรีของ James Horner ก็นับว่าคลาสสิคเลยทีเดียว สามารถสร้างอารมณ์ตื่นเต้นได้ดี ส่วนผู้กำกับก็คือพี่ James Cameron ครับ พี่แกคงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณน่ะนะฮะ ระดับไหนแล้ว

และจุดที่ทำให้ภาค นี้เด่นก็คือ หนังไม่ได้มีแค่เรื่องบู๊และบรรยากาศสยองเท่านั้น หนังยังมีอารมณ์ดราม่าเข้ามาด้วย ตั้งแต่เรื่องระหว่างริปลี่ย์กับนิวต์ (Carrie Henn) เด็กน้อยที่เหลืออยู่เพียงผู้เดียวบนดาวดวงนั้น ซึ่งริปลี่ย์ต้องมาทำหน้าที่แม่ดูแลเด็กคนนี้ ซึ่งเธอก็เป็นห่วงอย่างสุดหัวใจ และนี่ยังเป็นเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดการลุยที่สุดมันส์ในช่วงท้ายอีกด้วย

ลำดับ ต่อมาก็คือเรื่องเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่ชื่อบิชอป (Lance Henriksen) ซึ่งริปลี่ย์ไม่ค่อยชอบเนื่องมาจากภาคแรก ริปลี่ย์เจอหุ่นเลวเข้า ดังนั้นเธอจึงไม่ไว้ใจบิชอปตลอดเวลา นี่ก็เป็นอีกปมที่ช่วยเพิ่มความสนุกและความลุ้นให้กับหนังได้อย่างดี และท้ายสุดแต่ไม่สุดท้ายก็คือหนังภาคนี้ยังเปิดตัวนางพญาเอเลี่ยนที่สุดจะ ร้ายกาจอีกด้วย มันส์เข้าไปครับ

เรียกว่ายอดทั้งนักแสดง, Effect, Action, ดนตรี และบทหนังด้วยเป็นภาคต่อที่โดดเด่นอย่างยิ่งครับ ผมชอบมากกว่าภาคแรกอีก เพราะภาคนี้เพิ่มความมันส์เข้ามาด้วย

ก็เมื่อเข้าทางก็ต้องเอาสามดาวครึ่งไปกินล่ะครับ

(8.5/10)